“เพื่อไทย” เชิญ “ป.ป.ส.” ถก แนวทางปราบยาเสพติด ตั้งเป้าให้หมดไป ภายใน1 ปี
“สมศักดิ์” เชิญ “ป.ป.ส.-ตำรวจ” ถกแนวทางปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับ สส.เพื่อไทย เตรียมเดินหน้านโยบายถอนรากถอนโคน ภายใน 1 ปี สานต่อมาตรการยึดอายัดทรัพย์ หลังได้ผลเป็นรูปธรรม โชว์ อายัดได้แล้วรวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานยุทธศาสตร์การเกษตรพรรคเพื่อไทย นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลางรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และ พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ได้พบปะกับ สส.พรรคเพื่อไทย ทั่วประเทศ กว่า 100 คน เพื่อรับฟังความคิดเห็นถึงแนวทางการปราบปรามยาเสพติดภายใน 1 ปี ของพรรคเพื่อไทย
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงนโยบายการปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปภายใน 1 ปีนั้น วันนี้ ตนจึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติด มาอธิบายถึงแนวทางการปราบปรามยาเสพติดที่ผ่านมา เพื่อ สส.พรรคเพื่อไทย จะได้ช่วยกันแสดงความคิดเห็น ก่อนจะนำไปปรับเป็นนโยบายที่จะใช้ปราบปรามยาเสพติดภายใน 1 ปี
ขณะที่ สส.พรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่ ได้สะท้อนว่า อยากให้พรรคเพื่อไทย มีมาตรการที่เด็ดขาดแบบในสมัยรัฐบาล อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่สามารถปราบปรามยาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงอยากให้ช่วยแก้ปัญหาที่ต้นตอ อย่างผู้มีอิทธิพลในแต่ละพื้นที่ด้วย ขณะเดียวกัน ก็เห็นด้วยที่จะเดินหน้ามาตรการยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด แต่อยากให้ทำควบคู่กับมาตรการปราบปรามด้วย
โดยนายสมศักดิ์ ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า การปราบปรามยาเสพติดในอดีต จะมี 5 มาตรการ คือ1.ป้องกัน 2.ปราบปราม 3.บำบัดรักษา 4.บูรณาการงบประมาณ และ 5.ความร่วมมือระหว่างประเทศ แต่ในขณะตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แก้กฎหมายยาเสพติดใหม่ เพื่อเพิ่มมาตรการที่ 6.ยึดอายัดทรัพย์ของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด อย่างผลงานที่ผ่านมา เข้ายึดอายัดทรัพย์กลุ่มจีนสีเทา กว่า 8 พันล้านบาท รวมถึงไปขยายผลบัญชีม้าของบัวจันทร์ ขาวอินทร์ จนสามารถนำไปสู่การยึดอายัดทรัพย์ได้จำนวนมากดังนั้น แนวทางการปราบปรามยาเสพติด ภายใน 1 ปีของพรรคเพื่อไทย ตนมองว่าควรเดินหน้าการยึดอายัดทรัพย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตัดวงจรเงินของผู้ค้ายา ไม่ให้มีเงินไปหมุนเวียนกระทำผิดอีกต่อไป
ขณะที่ นายปิยะศิริ กล่าวว่า การยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ถือว่า เป็นเครื่องมือที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยแก้ปัญหายาเสพติด ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรงแต่เราใช้มาตรการยึดทรัพย์ ไปกดดันเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด อย่าง ปี 2562 ยึดอายัดทรัพย์ได้เพียง 956 ล้านบาท แต่หลังมีกฎหมายยาเสพติดใหม่ เพิ่มมาตรการยึดทรัพย์ ทำให้ปี 2564 ยึดอายัดได้ 7,346 ล้าน ปี 2565 ยึดอายัดได้ 11,003 ล้านบาท และปี 2566 ยึดอายัดได้มากกว่า 20,000 ล้านบาทแล้ว จะเห็นได้ว่า แนวทางการยึดอายัดทรัพย์ เห็นผลอย่างชัดเจน จึงควรส่งเสริมแนวทางนี้ ในการปราบปรามยาเสพติดต่อไป
ส่วน พล.ต.ต.บรรพต กล่าวว่า แนวทางการปราบปรามยาเสพติดภายใน 1 ปี ของพรรคเพื่อไทยตนเห็นว่า มีแนวทางเดียวกันกับนายสมศักดิ์ ที่ได้ขับเคลื่อนไว้ขณะดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรมคือ การเดินหน้ายึดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งในอดีต ตำรวจ ไม่เคยนำเรื่องการยึดทรัพย์มาเป็นตัวชี้วัด แต่หลังมีกฎหมายใหม่ และได้รับแนวความคิดของสากล ที่มองว่า กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ไม่กลัวการถูกจับยาเสพติด เพราะเตรียมการไว้รองรับแล้ว แต่เขาจะกลัวการถูกยึดทรัพย์ เพราะเงินจำเป็นที่จะต้องใช้ในการขับเคลื่อนขบวนการค้ายาเสพติด ดังนั้น การยึดทรัพย์จึงเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุนต่อเนื่อง เพราะเป็นสิ่งที่ผู้ค้ายาเสพติด กลัวเป็นอย่างมาก
พล.ต.ต.ธนรัชน์ กล่าวว่า ปัจจุบันขบวนการค้ายาเสพติด ได้หันมาใช้ระบบขนส่งเป็นจำนวนมากขึ้นแล้ว เพราะมีความสะดวก และมีหลากหลายวิธี แต่หลังมีกฎหมายยาเสพติดใหม่ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการจับกุม พร้อมขยายผลไปสู่การยึดทรัพย์ได้เป็นจำนวนมาก โดยจะไม่ใช่ยึดทรัพย์ซึ่งหน้าเท่านั้น แต่จะคำนวนมูลค่าของยาเสพติด ที่ขนส่งในอดีตมาคำนวนยึดทรัพย์ย้อนหลังด้วย ทำให้มาตรการยึดทรัพย์น่ากลัวสำหรับผู้ค้ายาเสพติดเป็นอย่างมาก