'โรม' เชื่อมีคนวางเกม-ขุดหลุม 'พิธา' ไม่ให้ชิงนายกฯ ลั่นเจ็บแล้วจำ
‘โรม’ เชื่อมีคนวางเกม-ขุดหลุม ไม่ให้โหวต 'พิธา' ชิงนายกฯ ลั่นเจ็บแล้วจำ คิดไม่ถึงคำสลายขั้วมาจากคนอื่น นึกว่ามาจาก ‘ประวิตร’ โว 'พิธา' คือนายกฯของก้าวไกล ชี้คำพูดที่บอกนโยบาย ทำเพื่อหาเสียงไม่ใช่คำสัญญา สะท้อนนักการเมืองไร้ความน่าเชื่อถือ
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2566 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวภายหลัง ได้พบกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่ในรัฐสภาตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ว่า สำหรับพรรคก้าวไกลคุณพิธาเป็นนายกฯของพวกเรา ในเชิงความชอบธรรม แต่ทางทฤษฎียังมีโอกาสเพราะยังไม่มีการตั้งนายกฯ และคุณพิธามีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกฯได้ ต้องยอมรับว่า ถึงขนาดนี้แล้ว เจ็บแล้วจำ ยืนยันว่าไม่หมดหวัง
"เราเจอพี่น้องประชาชนมาไทยถามในเรื่องนี้ทุกคนมีความหวังอยากให้คุณพิธาเป็นนายกฯ เขาอยู่กับความฝันและความหวังในตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาว่านี่คือนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แล้วอยู่ๆก็เกิดเหตุแบบนี้ซึ่งไม่ใช่เหตุธรรมชาติ แต่เป็นเหตุที่มีคนได้วางเกมเอาไว้แล้ว ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นกับดักหรือไม่แต่เป็นหลุมทางการเมืองที่มีคนตั้งใจขุดเอาไว้ เพื่อทำให้ประเทศไทยมาสู่หนทางแบบนี้" นายรังสิมันส์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวถึงการเดินหน้ารวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ว่า เราอยากมีนายกรัฐมนตรีเร็วๆแต่สุดท้ายกลายเป็นการตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ใช้คำพูดว่าเป็นการสลายขั้ว คิดว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นคนพูด ไม่นึกว่ามาจากคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามันพาประเทศไทยกลับไปวังวนแบบเหมือนเดิม ถ้าเราถอดบทเรียนความขัดแย้งทางการเมืองในอดีต
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มหนึ่งที่ต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ซึ่งคนที่เลือกมาต้องการให้เป็นรัฐบาล กับอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เชื่อในเรื่องของประชาธิปไตยใช้วิธีรัฐประหารสร้างภาพในเรื่องของนักการเมืองเลว นักการเมืองที่ไม่ซื่อสัตย์ นักการเมืองที่ไม่สามารถเชื่อถือได้
"วันนี้เรากำลังอยู่ในวังวนแบบนี้อีกแล้ว พอคุณบอกว่าการหาเสียง มันเป็นสิ่งที่ทำไปเพื่อให้ได้คะแนน ไม่ใช่คำสัญญาอะไร ต่อไปนี้นักการเมืองจะเชื่อถือได้หรือ สุดท้ายทำให้คนตั้งคำถามว่าระบอบประชาธิปไตยถ้าเป็นแบบนี้ มันไม่มีความหมาย เพราะเลือกตั้งไปมันไม่สามารถสะท้อนเจตจำนงของเขาได้ ถ้าตั้งสติกันสักนิด เราควรที่จะกลับมา ทบทวนไหมว่าบรรยากาศแบบนี้ในระยะยาวมันทำลายประชาธิปไตย" นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ก้าวไกลพร้อมทำหน้าที่ในทุกรูปแบบ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำลายความหวังของประชาชนอย่างรุนแรง
เมื่อถามว่า คาดคิดหรือไม่ว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ก็คิด แต่คิดว่าน่าจะเกิดน้อยที่สุด เพราะมันทำลายประชาธิปไตย ผมคิดว่าถ้าเรามองในช่วงเลือกตั้ง เรามีดิจิตอลฟุตพริ้นท์ ใครทำอะไรรู้กันหมด เลยคิดว่าเมื่อเราทำถึงขนาดนั้นแล้ว คงไม่คิดว่าถึงขนาดว่าสิ่งที่ทำเป็นการหาเสียงไม่ใช่คำสัญญา มันออกจะเกินไปหน่อย
เมื่อถามว่าช่วงนี้ดูตัดพ้อ ท้อหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่ได้ตัดพ้อแบบบ่นไปเรื่อย แต่เป็นเรื่องของข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งตนค่อนข้างมีความหวังว่าตราบใดที่ยังไม่มีการเลือกนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุกต่อมความคิดว่าเราอย่าทำอย่างนั้นเลย มันไม่เกิดประโยชน์ถ้ามันทำสำเร็จ บ้านเมืองก็จะเดินหน้า อย่างที่ควรจะเป็น
"ผมยอมรับว่าผมไม่อินโนเซ้นท์ ไม่นาอีฟ (ไร้เดียงสา) ผมเข้าใจว่าโอกาสที่จะเป็นแบบนั้น มันก็คงยาก เช่นเดียวกับที่คุณพิธาให้สัมภาษณ์ ว่าเรารับฟังอย่างมืออาชีพ" นายรังสิมันต์ กล่าว