ป.ป.ช.ลุยสอบข้อเท็จจริง ก่อสร้าง รฟฟ.สีส้ม ประสาน รฟม.ขอหลักฐานเพิ่ม
ป.ป.ช.ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง การดำเนินโครงการก่อสร้าง รฟฟ.สายสีส้ม ส่วนตะวันออกสัญญา 4 ประสาน รฟม. เพื่อขอเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งสัญญาก่อสร้าง-เอกสารตรวจรับงาน เพื่อเฝ้าระวังทุจริตต่อไป
ตามที่ศูนย์ป้องปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ช. (ศูนย์ CDC) ได้แจ้งข้อมูลมายังสำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2566 เกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) หรือส่วนตะวันออก ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีการประชาสัมพันธ์ว่าดำเนินการก่อสร้างงานโยธาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่มีแหล่งข่าวแจ้งว่าปัจจุบันการก่อสร้างบางส่วนยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะสัญญาที่ 4 ช่วงคลองบ้านม้า – สุวินทวงศ์ ที่ดำเนินการโดยบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) นั้น
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2566 ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต (นางสาวฐิติวรดา เอกบงกชกุล) ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและบูรณาการการมีส่วนร่วมต้านทุจริต (นายธีรัตน์ บางเพ็ชร) ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ (นายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ) และนายธรรมนูญ ศักดิ์ศรี พนักงานไต่สวนระดับสูง พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่บริเวณก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันออก
ช่วงคลองบ้านม้า – สุวินวงศ์ ตามที่ได้รับแจ้ง โดยได้ร่วมพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริงกับรองผู้ว่าการ รฟม. (นายกิตติกร ตันเปาว์) และเจ้าหน้าที่ รฟม. ณ สำนักงานสนามโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สัญญาที่ 4 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร และลงพื้นที่สถานีแยกร่มเกล้า (หรือสถานีสุวินทวงศ์)
โดย รฟม. ให้ข้อมูลว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันออก แบ่งการดำเนินการออกเป็น 6 สัญญา โดยช่วงสัญญาที่มีปัญหาตามที่ได้รับแจ้งจากศูนย์ CDC คือ สัญญาที่ 4 งานก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน ช่วงคลองบ้านม้า – สุวินทวงศ์ ระยะทางประมาณ 8.80 กิโลเมตร มีสถานีรถไฟฟ้ายกระดับ 7 สถานี ซึ่งมีผู้รับจ้าง คือ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (UNIQUE) วงเงินงบประมาณ 9,990,000,000 บาท เริ่มต้นโครงการเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 ครบกำหนดวันที่ 2 ตุลาคม 2565 (1,980 วัน) แต่ได้มีการขยายระยะเวลาโครงการอีก 251 วัน เนื่องจากผู้รับจ้างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงมีหนังสือขอขยายระยะเวลา ทำให้สัญญาในส่วนนี้ครบกำหนดตามสัญญาวันที่ 10 มิถุนายน 2566
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจรับงาน โดยทาง รฟม. ชี้แจงว่า การประชาสัมพันธ์อาจมีความคลาดเคลื่อนทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า งานทุกประเภทต้องแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว และตรวจรับงานแล้ว แต่ในข้อเท็จจริงงานที่แล้วเสร็จคืองานที่เป็นสาระสำคัญ โดยยังไม่รวมงานเพิ่มเติม และ Outstanding work ที่มีหน่วยงานอื่นดำเนินการ ร่วมด้วย เช่น การคืนพื้นที่ถนน การทำท่อสายไฟฟ้าหรือประปา การเดินรถและระบบอาณัติสัญญาณ เป็นต้น
ทั้งนี้ สำนักเฝ้าระวังและประเมินสภาวการณ์ทุจริต ได้ประสาน รฟม. เพื่อขอเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมต่าง ๆ อาทิ สัญญาก่อสร้าง เอกสารการตรวจรับงาน เอกสารขอขยายระยะเวลาดำเนินการ และใบงานเพิ่ม (Variation Order: VO) (ถ้ามี) เพื่อประกอบการเฝ้าระวังการทุจริตต่อไป รวมทั้งได้เน้นย้ำให้ รฟม. ทำการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าของการดำเนินการเป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อน และหากมีความคืบหน้าประการใด จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง