'ชูวิทย์' โต้ 'เศรษฐา' แบบคำต่อคำ ปมซื้อขายที่ดิน ยันมีเอกสารทุกอย่างที่แฉ

จากกรณีเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย โพสต์คลิปชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก กรณีที่ถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง แฉปมการซื้อขายที่ดินของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ว่ามีการใช้นอมินี และมีผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวโยงกับนายเศรษฐานั้น

ล่าสุด นายชูวิทย์  ได้โต้แจงกลับผ่านเฟซบุ๊ก แบบข้อต่อข้อ สรุปประเด็นที่นายเศรษฐาแถลง โดยระบุว่า  “เศรษฐา VS ชูวิทย์ คุณจะเชื่อใคร?”  ดังนี้

เศรษฐา : แสนสิริซื้อที่ราคาตลาดที่สมเหตุสมผล

ชูวิทย์    : เดี๋ยวรอดู Ep.3 ว่าคราวนี้จะ “สมเหตุสมผล” อย่างที่ว่าไหม?

เพราะซื้อมาหลักแสนต่อตารางวา ติดถนนใจกลางสุขุมวิทตอนต้น มีบันทึกชัดเจนจากกรมที่ดิน

เศรษฐา : ผู้ซื้อไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการบริหารภายในของผู้ขาย

ชูวิทย์    : คุณเศรษฐาโยนให้ “ผู้ขาย” ทุกที 

แต่ “รปภ. นอมินี” มีความเกี่ยวข้องกับแสนสิริอย่างชัดเจน  Ep. 3 เปิดตัว รปภ. อีกคน มาจากมุกดาหาร และยังไปร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ ช่างอินเตอร์สุดๆ มาเจอกันได้ไง?

เศรษฐา : ไม่เคยปล่อยกู้ แต่จำนองเพื่อเป็นหลักประกัน

ชูวิทย์    : จะซื้อก็ซื้อ ทำไมต้องให้จำนองไว้ด้วย? มันผิดปกติ

ที่สำคัญดันให้จำนอง 1,000 ล้าน ในวันเดียวกันกับที่ “นอมินี” ไปซื้อ บ.เอ็น แอนด์ เอ็น จากเจ้าของเก่า (หมอนเรนทร์) 565 ล้าน คือ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558

แท้จริงแล้ว ต้องการนำเงินออกจากบริษัทมหาชนมากกว่า

เศรษฐา : ไม่มีการสมคบคิด หรือมีเงินทอน

ชูวิทย์    :  วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 บริษัทลูกแสนสิริ ให้ แม่บ้าน กับ รปภ. กู้ 1,000 ล้าน  ในวันเดียวกัน แม่บ้าน กับ รปภ. ก็ไปซื้อที่ดินจากบริษัทของหมอนเรนทร์ 565 ล้าน แล้วอีก 435 ล้าน ไปไหน? ไม่ยอมชี้แจง

ผมมีเอกสารราชการทุกอย่าง แต่คุณเศรษฐา กับแสนสิริ พูดปากเปล่า

ไว้เอาไปชี้แจงกับบิ๊กโจ๊กแล้วกัน เพราะเดี๋ยวเขาก็เรียก

หากใครไม่มา 2 ครั้ง ก็ออกหมายจับ

เศรษฐา :  ราคา 1.1 ล้านต่อตารางวา เหมาะสม

ชูวิทย์    :  แล้ว 5 แสนบาทต่อตารางวา ใจกลางสุขุมวิทเหมาะสมไหม?  วันจันทร์รู้กัน

เศรษฐา : คุณชูวิทย์โกรธ ที่แสนสิริไม่ซื้อที่ดิน

ชูวิทย์    : ที่ดินผมไม่มีหนี้ ไม่ติดจำนอง โฉนดเก็บไว้ที่บ้าน ไม่ได้รีบขาย

แสนสิริต่างหาก ที่ต้องการที่ดินจำนวนมาก เพื่อจะได้ค่าบวม แล้วดันมาขอเงินบวมจากผมด้วย  แสนสิริต้องหาที่ดินมาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก เพราะ “หนี้เยอะ” ถึง 9 หมื่นล้าน  วันจันทร์ผมจะโชว์ให้ดู

เศรษฐา : เพราะชูวิทย์มีเงื่อนไขติดกับ RL ไม่สามารถซื้อได้

ชูวิทย์    : ก็นั่นน่ะสิครับ ที่ดินผมมีสัญญา รับเงินมัดจำมาแล้ว จะไปขายให้คุณได้ยังไง?  ยัง งง อยู่ จะปั้นน้ำเป็นตัว ก็เอาที่มันมีเหตุผลหน่อย

เศรษฐา  : ชูวิทย์ข่มขู่ ให้ผมซื้อที่ดิน จ่ายมัดจำ ไม่งั้นจะแฉ โดยติดต่อผู้ใหญ่มากมายมาหาผม

ชูวิทย์    : ผู้ใหญ่ที่คุณว่า ไม่ทราบเป็นใคร? ช่วยเอามายืนยัน หรืออย่างน้อยมีลายเซ็นผม ไม่ใช่เอารูปจับมือมาโชว์ วันๆ หนึ่งผมจับมือกี่คน?  คุณเป็นคนขอจับมือถ่ายรูปผมเอง และยังบอกผมว่า “ผมไม่มีวันเป็นนักการเมือง”

เศรษฐา  : ถ้าไม่ซื้อที่ดิน 2,000 ล้านจะแฉต่อไป

ชูวิทย์    : ผมเคยบอกไว้แล้ว ถ้าเพื่อไทยหักหลังประชาชน แล้วเสนอเศรษฐาเป็นนายกฯ ผมจะแฉเรื่องนี้ เพื่อเป็นการโต้กลับของประชาชน  เพราะคุณไม่มีคุณสมบัติ  สังคมตัดสินได้จากข้อมูลของผม ไม่ได้พูดลอยๆ

คนอย่างคุณพูดอะไรไว้ก่อนหาเสียง ยังกลับคำพูดได้ ที่ว่าไม่รวมกับ 2 ลุง

แล้ววันนี้ ประชาชนเขาก็เห็นกำพืดแล้วว่าคุณกลับคำยังไง

และหากผมโกรธเรื่องที่ดิน ต้องพูดตั้งแต่ตอนนั้น โจมตีคุณ กับแสนสิริ เพราะผมมีข้อมูล  แต่ที่พูดตอนนี้ เพราะเมื่อคุณเสนอตัวเป็นนายกฯ ผมก็ทำหน้าที่ตรวจสอบ และมีหลักฐาน  ไม่ได้พูดปากเปล่าเหมือนคุณ

เศรษฐา  : บิดเบือนเรื่องดิจิตอลวอลเลท นโยบายมีประโยชน์ต่อประชาชน

ชูวิทย์    :  คุณอย่าพูดถึงประโยชน์ต่อประชาชนเลย  ขนาดหาเสียงไว้พูดกับปากทั้ง แก้ ม.112, ไม่ร่วมกับพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ  ตอนนี้ยังกลับคำพูด แล้วยังจะเสนอตัวเองเป็นนายกฯ  คนกลับไปกลับมาแบบนี้เป็นนายกฯ ประเทศคงพัง

เงินดิจิตอลที่คุณบอกจะให้ประชาชน อยากถามสั้นๆ ว่า แสนสิริมีหุ้นในบริษัทเงินดิจิตอลที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไหม?

หุ้นใหญ่ด้วย แล้วเอาคนใกล้ชิดไปเป็นผู้จัดการ  อย่างนี้จะเรียกว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ได้ไหม?

คน 50 ล้านคนที่อายุเกิน 16 ปี ที่จะได้รับเงินดิจิตอล 10,000 บาท ตามนโยบายของคุณ เท่ากับ 500,000 ล้าน  แค่ชัก 5% ก็ 25,000 ล้านแล้ว  เรื่องนี้ผมต้องชมคุณ ว่าคิดไว้ล่วงหน้าได้ฉลาดจริงๆ