นักวิชาการไม่แน่ใจ 22 ส.ค.ไทยมีนายกฯ หวั่น ‘เศรษฐา’ แห้ว ‘ประวิตร’ ส้มหล่น

นักวิชาการไม่แน่ใจ 22 ส.ค.ไทยมีนายกฯ หวั่น ‘เศรษฐา’ แห้ว ‘ประวิตร’ ส้มหล่น

อาจารย์รัฐศาสตร์ มสธ.ไม่แน่ใจ 22 ส.ค.ประเทศไทยมีนายกฯ กังวลเสียง สว.อ้างโหวต ‘เศรษฐา’ ไม่มาตามนัด ชี้เป็นไปได้ส้มหล่น ‘ประวิตร’ รับไม้ต่อ เหตุยังมีบทบาทอยู่ในสมการจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายหลังงานเสวนา หัวข้อ “กกต. มีไว้ทำไม” นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) หนึ่งในผู้ร่วมอภิปรายงานดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ภายหลังพรรคเพื่อไทย ดึงพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เข้าร่วมว่า โอกาสที่จะโหวตผ่านก็ยัง 50 ต่อ 50  และไม่มั่นใจว่าจะโหวตได้หรือไม่ เพราะว่าในวันนั้นอาจจะมีเกมการเมืองในสภาเกิดขึ้น โดยเฉพาะการนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาพูดถึงและการจะขอให้มีการทบทวนมติเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ก็มีความเป็นไปได้ และอาจเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายเมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่เกิดความวุ่นวายและนำไปสู่การปิดประชุม   

นายยุทธพร กล่าวว่า อย่างไรก็ดีเสียงของ สส.ที่จะมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ ก็น่าจะมีการโหวตให้กับแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยครบทั้งหมด  แต่จุดที่ต้องจับตาคือเสียงของ สว.จะมาสนับสนุนหรือไม่  ถ้าวันนี้มีพรรคของสองลุงเข้ามาครบถ้วน หรือมาเพียง 1 พรรค ก็จะมีโอกาสได้เสียง สว.ก็จะได้ตัวเลข 376  แต่ยังไม่มั่นใจว่าเสียง สว.จะได้ตามนั้นหรือไม่ เพราะมีเงื่อนไขหลายอย่างสำหรับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะถ้ามีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน มีประเด็นที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ นำมาโจมตีที่จะต้องชี้แจงสังคม และมีประเด็นในเรื่องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะปิดโอกาสพรรคเพื่อไทย หลายคนอาจมองว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นการตัดโอกาสของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล  

“มองว่าเรื่องเหล่านี้จะเป็นแรงกดดันต่อพรรคเพื่อไทยด้วย  จะทำให้การโหวตนายกฯของพรรคเพื่อไทยสามารถโหวตเคนดิเดต 1 คน ได้เพียงหนึ่งครั้ง ดังนั้นเมื่อมีกระบวนการที่จะกดดันพรรคเพื่อไทย จะมีผลต่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย” นายยุทธพร กล่าว  

นายยุทธพร กล่าวอีกว่า แคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 9 คน ใช้งานได้เพียง 4 คน คือ พรรคเพื่อไทย 2 คน ได้แก่ นายเศรษฐา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย อีก 2 คน คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคพรรคภูมิใจไทย และ พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ  ดังนั้นถ้านายเศรษฐาโหวตไม่ผ่าน โอกาสที่จะเป็น น.ส.แพทองธาร ก็ยังไม่แน่นอน อาจไม่มีการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ในสถานการณ์เช่นนี้ โอกาสที่ที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะไหลไปสู่ขั้วอำนาจเดิมมีความเป็นไปได้สูง

“พรรคเพื่อไทยอาจถือว่าเป็นแกนนำที่ไมได้นำจริงๆ เพราะสุดท้ายพรรคเพื่อไทยจะต้องยอมรับทุกเงื่อนไข และยอมรับทุกอย่างที่เป็นการต่อรอง และเรื่องของโควตารัฐมนตรี รวมทั้งเผชิญกับการเมืองที่มาจาก 250 สว. เพราะมี สว.ส่วนหนึ่งที่ตั้งประเด็นเรื่องจริยธรรมทางการเมืองของนายเศรษฐา อีกทั้งการเมืองจาก 8 พรรคร่วมเดิมโดยเฉพาะพรรคก้าวไกล วันนี้พรรคก้าวไกลชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล และอาจมีประเด็นที่เรื่องที่นายพิธาจะไม่ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ  เป็นเกมก้าวไกลที่จะกดดันเพื่อไทยให้ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขจากมติศาลรัฐธรรมนูญ และมติของสภาที่ห้ามโหวตซ้ำ ผมจึงยังไม่มั่นใจว่าการโหวตในวันที่  22 ส.ค.จะมีนายกฯที่ชื่อนายเศรษฐา ทวีสินหรือไม่” นายยุทธพร กล่าว 

นักวิชาการไม่แน่ใจ 22 ส.ค.ไทยมีนายกฯ หวั่น ‘เศรษฐา’ แห้ว ‘ประวิตร’ ส้มหล่น

นายยุทธพร กล่าวด้วยว่า การเดินหน้าของพรรคเพื่อไทย เป็นการตอบโจทย์ถูก แต่ตั้งโจทย์ผิด เพราะเพื่อไทยตอบโจทย์ถูกในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล แต่โจทย์ที่ถูกต้องสำหรับเพื่อไทย คือการฟื้นคืนความเชื่อมั่นจากประชาชน ที่พรรคเพื่อไทยกำลังล้มละลายทางความเชื่อถือ ถ้ามองระยะยาวอยากให้พรรคเพื่อไทยทบทวนจุดยืน และโจทย์ทางการเมืองที่ถูกต้อง  

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ถ้า 2 ลุงสนับสนุนและสั่งให้ สว.โหวตหนุนนายเศรษฐา นายยุทธพร กล่าวว่า หากพรรค 2 ลุงมาด้วยความจริงใจ ไม่ว่าลุงคนใดคนหนึ่ง หรือ  2 ลุง โอกาสที่เราจะได้เห็นเสียงจาก สว.มาสนับสนุนอย่างน้อย 100  เสียง เป็นไปได้ จะทำให้เสียงมีถึง 314 เมื่อรวมพรรคเล็กจะได้ 315 และบวกกับ 100  เสียง สว.จะได้ 415  เสียง เกินว่า 376 เสียง  

เมื่อถามว่า จะมีเกมบีบให้ไปถึงการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร นายยุทธพร กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ เพราะจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เราถึงไม่สามารถปฎิเสธได้ว่า พล.อ.ประวิตร จะอยู่สมการการเมือง 
  
ส่วนประเมินได้หรือไม่ว่าเราจะมีนายกฯในเร็ว ๆ นี้ นายยุทธพร กล่าวว่า ไม่เร็วกว่าเดือน ส.ค. เพราะถ้าทุกอย่างลงตัว โอกาสในการเลือกนายกฯ คงจะเรียบร้อยในระยะหนึ่งแล้ว แต่วันนี้สะท้อนให้เห็นว่าการเมืองในภาวะไม่ปกติ ขณะนี้ยังมีความไม่ลงตัว โอกาสที่จะเห็นความยืดเยื้อในการเลือกนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลมีความเป็นไปได้สูงมาก ๆ การจัดตั้งรัฐบาลต้องตอบโจทย์ใน 4 เรื่อง คือ เสียงของประชาชนที่สะท้อนผ่านการเลือกตั้ง  การประกาศวางมือทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคเพื่อไทยต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และความคาดหวังของประชาชนกับภาพการเมืองที่จะเกิดขึ้นจริง การไม่เป็นไปตามผลการเลือกตั้ง ทำให้ไม่เกิดความสมดุลทางการเมือง จึงส่งกระทบต่อการโหวตนายกฯและจัดตั้งรัฐบาล