ประวัติศาสตร์การเมือง บนปัญหาปากท้องชาวบ้าน
ประวัติศาสตร์การเมือง ไทยกำลังจะมี “รัฐบาลชุดใหม่” ซึ่งไม่มีเวลาแล้วกับการเล่นเกมการเมือง การต่อรองผลประโยชน์ ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี โจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งจัดการนับตั้งแต่เวลานี้ คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดูแลปากท้องชาวบ้าน
เมื่อวานนี้ (22 ส.ค.) นับเป็นอีกวันที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องจารึกไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเหยียบแผ่นดินครั้งแรกในรอบ 15 ปี ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากหลบหนีคดีมายาวนาน แต่ยอมกลับมาติดคุกเพราะอดคิดถึงหลานไม่ไหว โดยมี “เนวิน ชิดชอบ” ที่คอยช่วยดูแลความเรียบร้อย ซึ่ง เนวิน อย่างที่ทราบกันดีว่า เคยทำงานการเมืองกับ ทักษิณ มาก่อน
...ก่อนที่จะผิดใจกันจนเกิดวลีที่ผู้คนยังพูดถึงทุกวันนี้ คือ “มันจบแล้วครับนาย” แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็เหมือนจะกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง
เช่นเดียวกับการโหวตเลือก “นายกรัฐมนตรี” ที่สุดท้ายก็ได้ “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นั่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หลังจากที่ควานหากันมา 100 วันพอดีเป๊ะหลังการเลือกตั้ง และที่สำคัญไปกว่านั้น คือ การตั้งรัฐบาลรอบนี้ น่าจะเรียกว่าเป็น “รัฐบาลปรองดอง” ได้แบบเต็มปาก เพราะคู่ขัดแย้งหนักๆ ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือแม้แต่พรรคภูมิใจไทย ก็เข้าร่วมรัฐบาลอย่างครบครัน
บางคนพูดไปไกลถึงขนาดว่า กำลังปิดฉากความขัดแย้งระหว่าง “เสื้อเหลือง-เสื้อแดง” ที่กินเวลายาวนานร่วมกว่า 15 ปี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวานนี้ ตอกย้ำชัดเจนกับคำพูดที่ใครๆ ก็พูดกันว่า “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” ในการเมืองไทย เพราะวันนี้แม้จะเป็นมิตร พรุ่งนี้ก็อาจกลายเป็นศัตรูกันใหม่ได้
...แต่สิ่งที่กองบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ อยากบอกให้นักการเมืองทุกคนรู้ คือ เวลานี้ “ศัตรูของคนไทย” คือ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความยากจน ปัญหาหนี้ท่วมเรื้อรัง ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศออกมาเมื่อวันก่อน ตอกย้ำว่า “ศัตรูของพวกเรา” กำลังเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา สศช. เผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ปี 2566 ขยายตัวเพียง 1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และขยายตัวเพียง 0.2% จากไตรมาสก่อนหน้า หรือเรียกได้ว่าเกือบจะติดลบ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไทยจะ “ทรุดลงหนัก” ขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) พร่ำบอกอยู่ตลอดว่า เศรษฐกิจไทยกำลังไปได้ด้วยดี จึงไม่มีใครเตรียมใจว่า เศรษฐกิจจะทรุดตัวจนเกือบติดลบ
เราเห็นว่า “รัฐบาลชุดใหม่” ไม่มีเวลาแล้วกับการเล่นเกมการเมือง การต่อรองผลประโยชน์ ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี โจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งจัดการนับตั้งแต่เวลานี้ คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดูแลปากท้องชาวบ้าน ที่สำคัญต้องคำนึงถึงความยั่งยืนด้วย ไม่ใช่แค่กระตุ้นชั่วคราวแต่สะเทือนภาคการคลังในระยะยาว และต้องไม่เป็นนโยบายที่เพิ่มภาระหนี้แก่ภาคครัวเรือน เพราะครัวเรือนไทยไม่สามารถแบกรับภาระหนี้ได้มากกว่านี้แล้ว ซึ่งเราหวังจริงๆ ว่า รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาชุบชีวิตใหม่ให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเร็วแบบยั่งยืน!