นายกฯ ตรวจตลาด ปากท้องอย่ามองข้าม
อีกไม่กี่วันถึงเวลานับหนึ่งกับรัฐบาลชุดใหม่ การเมืองแบ่งขั้วอาจดูคลี่คลายลงไปบ้าง ถึงเวลาเดินหน้าต่อเรียกศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของประเทศกลับคืนมา สร้างความกินดีอยู่ดี ลดความเหลื่อมล้ำให้ประชาชน เป็นหน้าที่ที่ทุกรัฐบาลต้องทำ
“ตลาด” สถานที่ศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนที่ผู้ซื้อผู้ขายไปแลกเปลี่ยนสินค้ากันถือเป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจ อยากรู้ปัญหาประชาชน อยู่ดีกินอร่อยหรืออดอยากปากแห้งต้องไปดูที่ตลาด ถ้าผู้คนเดินกันขวักไขว่ซื้อง่ายขายคล่องก็พอจะเบาใจได้ว่าสภาพเศรษฐกิจยังพอไปได้ สำหรับชาวบ้านไปตลาดนอกจากได้ซื้อของยังได้พูดคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กับพ่อค้าแม่ขาย ส่วนผู้นำไปตลาดก็ได้รับฟังปัญหาปากท้องประชาชน
อย่างญี่ปุ่นมีปัญหาจีนห้ามนำเข้าอาหารทะเลอ้างข้อกังวลเรื่องที่ญี่ปุ่นปล่อยน้ำเสียบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิลงทะเล เกรงว่าจะปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีส่งผลกระทบต่อชีวิตสัตว์น้ำ เมื่อลูกค้าไม่ซื้อของพ่อค้าแม่ค้าก็อยู่ยาก วันพฤหัสบดี (31 ส.ค.) นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ออกตรวจเยี่ยมตลาดปลาโตโยสุในกรุงโตเกียว ฟังเสียงโอดครวญของผู้ได้รับผลกระทบ หลายคนอยากให้รัฐบาลไปคุยกับจีนยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าดังกล่าว
ตัดภาพมาที่ประเทศไทยในวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ออกเยี่ยมตลาดเมืองไทยภัทรโดยใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT จากสถานีเพชรบุรีไปยังสถานีรถไฟฟ้าสุทธิสารเพื่อพบปะประชาชน ช่วงเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยมีนโยบายรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ 20 บาทตลอดสาย นโยบายนี้จึงถูกจับตาเป็นอย่างมาก ต้องยอมรับว่ารถไฟฟ้าไม่ว่าจะลอยฟ้าหรือใต้ดินช่วยให้การเดินทางของคนกรุงเทพฯ สะดวกขึ้นมาก แต่เมื่อคำนวณค่าโดยสารถือว่าหนักหนาสาหัส หากลดค่าโดยสารลงมาอยู่ที่ 20 บาทได้ย่อมลดภาระประชาชนได้ส่วนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม นายกฯ เศรษฐาให้เหตุผลว่า เมื่อไม่ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว การที่มีพรรคร่วมรัฐบาลอีก 10 พรรคจำต้องไปพิจารณาในเรื่องของงบประมาณโดยรวมก่อนแล้วจะมาชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนคนกรุงเทพฯ ก็ต้องรอต่อไป และระหว่างเยือนตลาดเมืองไทยภัทรมีคนแนะนำนายกฯ ว่า ที่นี่เป็นตลาดเศรษฐี อยากรู้ข้อมูลต้องไปตลาดห้วยขวาง อันนี้เป็นข้อมูลที่น่ารับฟังเป็นผู้นำประเทศควรสัมผัสประชาชนจากหลายๆ แหล่ง เพราะคนแต่ละกลุ่มย่อมมีปัญหาไม่เหมือนกัน
ในระดับที่ใหญ่ขึ้น กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวไทยด้านการตลาดต่างประเทศ เร่งผลักดันการดำเนินการตามนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” นำคณะผู้แทนไทยทั้งภาครัฐและเอกชนเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ตลาดข้าวและนโยบายการค้าข้าวระหว่างกัน รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการขยายตลาดข้าวไทยในตลาดเป้าหมาย ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ต้องยอมรับว่าการที่อินเดียห้ามส่งออกข้าวมีส่วนทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นนอกเหนือจากปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ถ้าไทยเคลื่อนไหวถูกจังหวะนี่ย่อมเป็นโอกาสของเรา
ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมาสะท้อนว่า ปากท้องเป็นสิ่งสำคัญ การเมืองไม่ว่าในประเทศหรือระหว่างประเทศจะห้ำหั่นขนาดไหนแต่รัฐบาลต้องทำให้ประชาชนอยู่ได้ เก้าปีของรัฐนาวาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปิดฉากลงโดยพฤตินัยเมื่อรักษาการนายกรัฐมนตรีโบกมือลาทำเนียบ ประเทศไทยเป็นอย่างไรก็ประเมินกันเอาเองตามอัตวิสัย อีกไม่กี่วันถึงเวลานับหนึ่งกับรัฐบาลชุดใหม่ การเมืองแบ่งขั้วอาจดูคลี่คลายลงไปบ้าง ถึงเวลาเดินหน้าต่อเรียกศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของประเทศกลับคืนมา สร้างความกินดีอยู่ดี ลดความเหลื่อมล้ำให้ประชาชน เป็นหน้าที่ที่ทุกรัฐบาลต้องทำ