"วันชัย" เชื่อ "สว." จ้องซักนโยบายรัฐบาล "เศรษฐา" พุ่งเป้าทำได้จริงหรือไม่
"วันชัย" แย้ม "สว." ขอเวลาอภิปรายนโยบายรัฐบาล "เศรษฐา" มากกว่าสมัย "ประยุทธ์" พร้อมจ้องซักรายละเอียด พุ่งเป้าทำได้จริงหรือไม่-โมเดล ส.ส.ร. เพื่อรธน. ห่วงมีอิทธิพลการเมืองครอบงำ
นายวันชัย สอนศิริ สว. ให้สัมภาษณ์ถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ วันที่ 11 กันยายน ว่า ตนเชื่อว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน และ สว.จะขอเวลาอภิปรายในเนื้อหา ไม่น้อยไปกว่าการอภิปรายในการแถลงนโยบายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เพราะมีประเด็นที่ต้องขอความชัดเจน ในรายละเอียดว่านโยบายที่แถลงนั้นทำได้จริง ไม่ใช่แถลงแล้วทำไม่ได้ และไม่รับผิดชอบ โดยประเด็นที่คาดว่าจะถูกซักถามอย่างละเอียด คือ เงินดิจิทัล 10,000 บาท, นโยบายปรองดอง, การทหาร , ลดค่าครองชีพ, ค่าไฟ , นโยบายพักหนี้ รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้พรรคเพื่อไทยจะแถลงแล้ว แต่เป็นการแถลงนอกสภาฯ ดังนั้นในการอภิปราย จะขอคำมั่นว่า การแก้ไขจะไม่แตะหมวดสถาบัน รวมถึงที่มาของ สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่ระบุว่าจะมาจากการเลือกตั้งนั้น มีรายละเอียดอย่างไร หรือมาจากส่วนใด ทั้งนี้ตนมองว่า ที่มาของ ส.ส.ร. ต้องมีความพอดี และชัดเจนหากมาจากเลือกตั้งทั้งหมด อาจทำให้อิทธิพลพรรคการเมืองครอบงำได้
นายวันชัย กล่าวว่า หลังจากการประชุมวิป 3 ฝ่าย 7 ก.ย. เพื่อตกลงเรื่องกรอบเวลาแล้ว ตามปกติ สว.จะจัดสัมมนา พร้อมนำคำแถลงนโยบายของรัฐบาลมาพิจารณา ซึ่งตนเชื่อว่ารัฐบาลจะส่งให้สมาชิกรัฐสภาพิจารณาล่วงหน้า จากนั้นมอบหมายให้ กรรมาธิการวุฒิสภา นำไปพิจารณาก่อนจะส่งสว.ร่วมอภิปรายรายละเอียดในวันที่ 11 ก.ย. นี้
เมื่อถามถึงความเห็นต่อคุณสมบัติรัฐมนตรี ที่ถูกมองว่าคุณสมบัติไม่ตรงกระทรวง เช่น นำอดีตนายตำรวจคุมกระทรวงศึกษา นายวันชัย กล่าวว่าตนมองว่าเป็นข้อจำกัดทางการเมืองของพรรค แต่การจัดคณะรัฐมนตรีในสถานการณ์ปัจจุบัน ได้ขนาดนี้ ตนถือว่า ดีแล้ว ส่วนกรณีที่มีข้อครหารือข้อตำหนินั้นตนมองว่าต้องพิจารณาที่ผลงานอีกครั้ง ส่วนกรณีที่รัฐบาลใหม่จะอยู่ยาวหรือไม่ ตนมองว่ามี 3เหตุปัจจัย คือ
1.มีผลงานหรือไม่ หากได้ตำแหน่งแต่ไม่สามารถสร้างความหวังให้ประชาชนได้ กระแสจะถูกตีกลับ
2.พรรคร่วมรัฐบาล ขัดแย้งหรือไม่ ดังนั้นในสถานการณ์ปัจจุบันตนมองว่าหากพรรคร่วมรัฐบาลหากผนึกกำลังกันได้เข้มแข็งและมีผลงาน จะทำให้รัฐบาลอยู่ได้ยาว
และ 3. ไม่โกง หรือทุจริตคอร์รัปชั่น หากเป็นรัฐบาลแล้วทำมาหากิจเอื้อประโยชน์ให้พรรค หรือพรรคพวก ของตนเอง รวมถึงประโยชน์ของบริษัท บริวารของพรรคพวกตัวเอง เท่ากับว่าเป็นรัฐบาลฆ่าตัวตาย ซึ่งตนเชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะนำข้อผิดพลาดที่ผ่านมามาพิจารณาและแก้ไขความผิดพลาด.