พฤติการณ์ ‘อิทธิพล’ คดีวอเตอร์ฟร้อนท์ ก่อนโดนหมายจับ คดีใกล้หมดอายุความ
เจาะใส้ในสำนวน ป.ป.ช. เปิดพฤติการณ์ ‘อิทธิพล คุณปลื้ม’ เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ ‘นายกเมืองพัทยา’ ถูกชี้มูลผิดคดีอนุมัติใบอนุญาตก่อสร้าง ‘โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์’ ก่อนหลบหนี ถูกศาลออกหมายจับ จับตาคดีใกล้หมดอายุความแล้ว
กรณี นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีต รมว.วัฒนธรรม หลบหนีไม่ยอมมาพบพนักงานอัยการเพื่อส่งฟ้อง ส่งผลให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ออกหมายจับ เพื่อนำตัวกลับมาพิจารณาคดี โดยคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ 10 ก.ย. 2566 อย่างไรก็ดีตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช.ฉบับใหม่ ปี 2561 กำหนดให้ผู้ถูกกล่าวหาที่หลบหนีคดี จะไม่นับอายุความ
ทว่ายังเป็นที่ถกเถียงกันว่า ตกลงแล้วยังต้องนับอายุความคดีนี้หรือไม่ เนื่องจากกรณีของนายอิทธิพล กระทำการก่อนกฎหมายบังคับใช้
เพื่อให้สาธารณชนเห็นภาพมากขึ้น กรุงเทพธุรกิจ นำรายละเอียดในสำนวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มานำเสนอดังนี้
นายอิทธิพล ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา กรณีเข้ามีส่วนได้เสียในการก่อสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ (ปัจจุบันคือ โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ คอนโดมิเนียม พัทยา ไทยแลนด์) บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร และพิจารณาต่อใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหา นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี กับพวกรวม 11 คน เข้ามีส่วนได้เสียในการก่อสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ (ปัจจุบันคือ โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ คอนโดมิเนียม พัทยา ไทยแลนด์) บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร และพิจารณาต่อใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 บริษัท บาลี ฮาย จำกัด ได้ยื่นคำขอ อนุญาตก่อสร้างอาคารต่อเมืองพัทยา เพื่อก่อสร้างอาคารถาวรชนิด ค.ส.ล. 53 ชั้น จำนวน 1 หลัง (315 ห้อง) ความสูงประมาณ 180 เมตร เพื่อใช้เป็นอาคารชุดพักอาศัย พื้นที่จำนวน 38,503 ตารางเมตร ในโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ (ปัจจุบันคือ โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ คอนโดมิเนียม พัทยา ไทยแลนด์) บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยอาคารโครงการดังกล่าวเป็นอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป และมีพื้นที่รวมกันทุกชั้นตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป จึงเป็นอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ตามข้อ 1 ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 50 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
ซึ่งที่ตั้งโครงการดังกล่าวอยู่บริเวณมุมถนนพัทยาสาย 3 มีความกว้างประมาณ 30 เมตร เชื่อมต่อกับถนนสาธารณะในโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือท่องเที่ยวพัทยาใต้ ซึ่งมีความกว้างประมาณ 6 เมตร และมีทางเท้ากว้างข้างละประมาณ 2.50 เมตร โครงการดังกล่าวจึงตั้งอยู่บริเวณมุมถนนสาธารณะสองสายขนาดไม่เท่ากัน ความสูงของอาคารจึงต้องไม่เกินสองเท่าของระยะราบที่ใกล้ที่สุดจากจุดนั้นไปตั้งฉากกับแนวเขตถนนสาธารณะด้านตรงข้ามของสายที่กว้างกว่า (ถนนพัทยาสาย 3) และความยาวของอาคารตามแนวถนนสาธารณะที่แคบกว่า (ถนนในโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือฯ) ต้องไม่เกิน 60 เมตร ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ข้อ 46 เมื่อแบบแปลนที่อนุญาตดังกล่าว มีความยาวของอาคารด้านถนนในโครงการ
ก่อสร้างท่าเทียบเรือฯ ยาวประมาณ 90 เมตร และมีความสูงของอาคารชั้นที่ 53 สูงประมาณ 180 เมตร ความยาวในส่วนของอาคารตามแนวถนนสาธารณะที่แคบกว่าจึงเกิน 60 เมตร และสูงเกินสองเท่าของระยะราบที่ใกล้ที่สุดจากจุดนั้นไปตั้งฉากกับแนวเขตถนนสาธารณะด้านตรงข้ามของสายที่กว้างกว่า
ดังนั้น การที่นายอิทธิพล คุณปลื้ม กับพวก ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น ได้ร่วมกันพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร (แบบ อ. 1) เลขที่ 700/2551 ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้กับบริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัท บาลี ฮาย จำกัด ได้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ครั้งที่ 2 วันที่ 1 กันยายน 2555 งานฐานรากเริ่มวันที่ 16 พฤศจิกายน 2555 แล้วเสร็จประมาณเดือนพฤษภาคม 2556 แต่ปรากฏว่า นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยารักษาราชการแทนนายกเมืองพัทยา กับพวก ได้ร่วมกันพิจารณาอนุญาตและมีคำสั่งต่ออายุใบอนุญาตก่อสร้าง ครั้งที่ 2 ให้กับบริษัท บริษัท บาลี ฮาย จำกัด ทั้งที่การก่อสร้างอาคารโครงการดังกล่าวยังวางฐานรากของอาคารไม่แล้วเสร็จ ดังนั้น การพิจารณามีคำสั่งต่อใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ครั้งที่ 2 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการในการบังคับใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2528) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงฉบับที่ 57 (พ.ศ. 2544) ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์และกระทบต่อประโยชน์สาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ โดยส่งผลให้บริษัท บาลี ฮาย จำกัด สามารถดำเนินการก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ ต่อไปโดยไม่ชอบด้วยกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติ ดังนี้
การดำเนินการทางอาญาและวินัย
ประเด็นที่ 1 กรณีมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการอนุญาตก่อสร้างอาคาร โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ ปัจจุบันคือ โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ คอนโดมิเนียม พัทยา ไทยแลนด์ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
การกระทำของ นายอิทธิพล คุณปลื้ม ไม่มีมูลความผิดทางอาญา ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ประเด็นที่ 2 การพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
1. การกระทำของนายอิทธิพล คุณปลื้ม มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการในทางที่อาจนำมาซึ่งความเสียหายแก่เมืองพัทยาหรือกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติ ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. 2542 มาตรา 96
2. การกระทำของนายพิเชษฐ อุทัยวัฒนานนท์ นายวิทยา ศิรินทร์วรชัย นายญัติพงค์ อินทรัตน์ และนายเอกพงษ์ บุญชาย มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
3. การกระทำของนายคริส เชิดสุริยา ไม่มีมูลความผิดทางอาญา ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ประเด็นที่ 3 การพิจารณาต่อใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
1. การกระทำของนายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการในทางที่อาจนำมาซึ่งความเสียหายแก่เมืองพัทยาหรือกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือข้อบัญญัติ ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. 2542 มาตรา 96
2. การกระทำของนายอภิชาติ พืชพันธ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
3. การกระทำของนายวิทยา ศิรินทร์วรชัย นายสุธีร์ ทับหนองฮี และนายชานนทร์ เกิดอยู่ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
4. การกระทำของนายชัยวัฒน์ แจ้งสว่าง มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยัง อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจ ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัย และส่งสำนวนการไต่สวน และเอกสารหลักฐานพร้อมความเห็นไปยัง ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบด้วย
ทั้งนี้ กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งเรื่องให้กรมที่ดิน พิจารณาดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 9592, 15049, 15048, 123355, 15050, 123354 และ 9661 รวม 7 แปลง และอธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งที่ 811/2566 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2566 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน นั้น ให้แจ้งนายกเมืองพัทยา เพื่อประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ ปัจจุบันคือ โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ คอนโดมิเนียม พัทยา ไทยแลนด์ ด้วย