แถลงนโยบายต่อสภา การบ้านรัฐบาลนัดแรก

แถลงนโยบายต่อสภา การบ้านรัฐบาลนัดแรก

สถานการณ์การเมืองยังน่าจับตามองต่อเนื่อง เมื่อรัฐบาลใหม่กำลังจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางการจับตามองของฝ่ายค้านและประชาชนว่าจะมีการขับเคลื่อนนโยบายตามที่ "พรรคเพื่อไทย" เคยหาเสียงไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ โดยเฉพาะ "Digital Wallet 10,000"

สัปดาห์นี้ถือว่าการเมืองไทยคึกคักมากในแง่ของการบริหารประเทศ หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี การทำหน้าที่ของ ครม.ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ รัฐมนตรีทยอยเข้ากระทรวง ส่วนใหญ่ถือฤกษ์งามยามดี 9 โมงเช้า ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงก่อนเข้าทำงาน เรื่องของความเชื่อถ้าทำแล้วสบายใจก็ไม่ว่ากัน

นโยบายเร่งด่วนเป็นเรื่องของปากท้องเป็นหลัก หาเสียงไว้ว่าอย่างไรเมื่อได้อำนาจในมือต้องทำอย่างที่พูด ที่ถูกจับตามากที่สุดหนีไม่พ้นนโยบาย Digital Wallet 10,000 บาท ไม่ว่าหนุ่มว่าแก่ต่างถามว่าเมื่อใดจะได้ใช้ นายกฯ เศรษฐา ขอให้ใจเย็นๆ ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการพูดคุยกับภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเก็บข้อมูล อยากให้มีการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาก่อน

ประสานเสียงด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลจะทำแน่นอนและทำทันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่โดยทุ่มงบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาททุ่มลงไปในระบบเศรษฐกิจเพื่อใช้ในช่วง 6 เดือน ส่วนคนกรุงจับตานโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เป็นอีกรายที่ยืนยันว่า ทำแน่นอน แต่ขอเวลา 2 ปี เพราะมีขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาเจรจากับผู้รับสัมปทาน รวมถึงการจัดทำระบบตั๋วร่วมที่ต้องจ่ายเกือบ 1,000 ล้านบาท

ได้ยินได้ฟังทั้งนายกฯ และรัฐมนตรีให้คำมั่นเช่นนี้ก็สบายใจได้ แต่ก่อนอื่นคณะรัฐมนตรีต้องฝ่าบททดสอบแรกของการบริหารประเทศให้ได้ก่อน นั่นคือการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาใน วันที่ 11 - 12 ก.ย. จัดเวลาให้ฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกลเผยว่า พรรคเตรียมผู้อภิปรายไว้แล้ว 30 คน แถมยังเสียดายที่อภิปรายกันแค่สองวัน ถ้าเป็นสามวันจะลงลึกมากกว่านี้

นั่นเป็นเรื่องของรัฐบาลกับฝ่ายค้านแต่สำหรับประชาชนการแถลงนโยบายจะช่วยให้ทราบว่า ประเทศไทยจะเดินไปในทิศทางใด พรรคฝ่ายค้านจะช่วยทวงถามคำสัญญาที่พรรคร่วมรัฐบาลที่ให้ไว้ก่อนการเลือกตั้ง รัฐบาลต้องตอบคำถามของพรรคร่วมฝ่ายค้านให้ชัดเจน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของสังคมและประชาชนในการเริ่มต้นทำงาน กล่าวได้ว่า แม้ไม่ใช่ศึกซักฟอกลงมติไม่ไว้วางใจ แต่นี่เป็นการทำหน้าที่ในสภาครั้งแรกของทั้งสองฝ่ายที่ต้องทำงานตรวจสอบซึ่งกันและกัน ประชาชนก็ฝากความหวังไว้กับพวกท่านทุกคนขอให้ทำหน้าที่อย่างสมศักดิ์ศรี