อสังหาฯชะลอตัวฉุดตลาดสี‘ ทรงตัว’ เบเยอร์รุกกลุ่มรีโนเวตตึก-สีโลว์คาร์บอน

อสังหาฯชะลอตัวฉุดตลาดสี‘ ทรงตัว’ เบเยอร์รุกกลุ่มรีโนเวตตึก-สีโลว์คาร์บอน

อสังหาฯชะลอตัวฉุดตลาดสีมูลค่า 2.2 หมื่นล้าน‘ ทรงตัว’ เบเยอร์ ประกาศเจาะกลุ่มรีโนเวตตึกเก่า-สีโลว์คาร์บอนชิงแชร์คู่แข่งตลาดลูกค้าโครงการอสังหาฯ รับกติกาโลกยุคใหม่ “โลว์คาร์บอน” หนุนยอดขายเติบโต

KEY

POINTS

  • ตลาดสีมูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาท รับพิษอสังหาริมทรัพย์ ชะลอตัว
  • “เบเยอร์” เร่งปรับแผนลดความเสี่ยง เจาะกลุ่มรีโนเวตตึกเก่า
  • พร้อมลุยตลาดสีโลว์คาร์บอน หวังชิงแชร์คู่แข่งตลาดลูกค้าโครงการอสังหาฯ
  • รับกติกาโลกยุคใหม่ “โลว์คาร์บอน” หนุนยอดขายเติบโต

พงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบเยอร์ จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ตลาดสีมูลค่า 22,000 ล้านบาทอยู่ในภาวะทรงตัวเหมือนกับตลาดวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากตลาดอสังหาฯ “ชะลอตัว ”เปิดตัวโครงการใหม่ “ลดลง” ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงและขยายฐานลูกค้าใหม่ จึงหันไปขยายฐานกลุ่มผู้ประกอบการรับเหมาทาสีรายใหญ่ รีโนเวตตึกเก่าในกรุงเทพฯ ที่อายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไปจำนวนมากที่ต้องการรีโนเวตให้เป็น “อาคารเขียว” ซึ่งเป็นเทรนด์ที่มาแรงพร้อมขยายตลาด “สีโลว์คาร์บอน” ซึ่งเป็นหนึ่งในทางออกที่ช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน ในยุค “สังคมคาร์บอนต่ำ” ถือเป็นกติกาโลกใหม่ที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต

  " สีโลว์คาร์บอน ถือเป็นจุดขายของเบเยอร์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง เพราะดำเนินการมากว่า 6 ปีแล้ว ถือเป็นเซกเมนต์หนึ่งของตลาดสีรักษ์โลกหรือกรีน มาร์เก็ตที่เติบโตต่อปีสูงถึง 15% เป็นนิชมาร์เก็ตที่กำลังมาแรง ขณะที่ตลาดสีทั่วไปเติบโตต่ำกว่า"
 

พงษ์เชิด ระบุว่า 10 ปีที่ผ่านมา เบเยอร์ให้ความสำคัญทั้งในด้านคุณภาพและเทคโนโลยีผ่านการต่อยอดสร้างนวัตกรรมที่สอดรับกับความต้องการของตลาดโดยเฉพาะในด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมส่งผลให้เบเยอร์คูลเป็นที่ยอมรับในตลาดสีรักษ์โลก และ ตั้งเป้าขยายส่วนแบ่งกลุ่มสีรักษ์โลกปีละ 15% ภายใน 1-2 ปีจากนี้ และยังสอดคล้องกับนโยบายจากภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนแนวทางการใช้วัสดุรักษ์โลกและช่วยลดคาร์บอนหรือ Green Product

ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับมาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) และ Carbon Tax ของตลาดโลก รวมถึงนำเอานวัตกรรมมาผนวกใช้เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงบวกตลอดห่วงโซ่อุปทานทางธุรกิจ โดยที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้ง “Net Zero Innovation & Solution Center”
 

บริษัทยังมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกกระบวนการ และใช้สีนวัตกรรมรักษ์โลกขยายผลสู่ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อร่วมสร้างอาคารเขียวรักษ์โลก หรือ “Low Carbon Building Design” เป็นไปได้ง่ายขึ้นและเข้าถึงได้มากขึ้นให้กับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero อย่างยั่งยืน

สำหรับกลยุทธ์ด้านการตลาดจะสร้างการรับรู้โดยใช้งบ 30 ล้านบาท ตอกย้ำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นผ่านสื่อออฟไลน์และออนไลน์ครบวงจร

วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ กล่าวเสริมว่า ภาพรวมธุรกิจสีทาบ้านและอาคารปี 2557 ไม่โตจากปีที่แล้วมากนัก ขณะที่เบเยอร์ปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมาย มีรายได้ 4,600 ล้านบาท

“หนึ่งในกุญแจสำคัญของการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์จนกลายเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงในตลาดผู้บริโภคทั้งบ้านเรือน อาคารและสำนักงาน คือ การนำเอานวัตกรรมมาผนวกใช้อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง เบเยอร์คูล ถือเป็นผลิตภัณฑ์เรือธง การันตีด้วยรางวัลชนะเลิศ จากเวทีนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2567”

วรวัฒน์ กล่าวว่า ตลอดการดำเนินงานที่ผ่านมา เบเยอร์สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้วกว่า 350 ล้าน กก. คาร์บอนหรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ชดเชยมากกว่า 5.59 ล้านต้น” ถือได้ว่า เบเยอร์เป็นผู้ผลิตสีรายแรกในประเทศที่ผลักดันให้เกิดสินค้าสีที่ช่วยสะท้อนความร้อนและเป็นฟันเฟืองสำคัญในอุตสาหกรรมสีที่ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม”