‘3 สหาย’ ใต้เงานายใหญ่ วิถีจอมยุทธ์ ‘พวก’ เหนือพรรค

 ภาพข่าวแจก 3 สหาย สมศักดิ์ เทพสุทิน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และอนุชา นาคาศัย ภายในห้องรองนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล บอกเล่าเรื่องราวการเมืองแบบไทยๆ ได้แจ่มชัดที่สุด

สมศักดิ์-สุริยะ-อนุชา เปรียบเหมือนพี่น้องร่วมน้ำสาบาน เคยร่วมก่อตั้งกลุ่มวังน้ำยม สมัยพรรคไทยรักไทย และกลุ่มสามมิตร สมัยพรรคพลังประชารัฐ

อนุชา นาคาศัย ทิ้งอาชีพทนายความ มาหิ้วกระเป๋าเดินตามสมศักดิ์ เทพสุทิน ตั้งแต่ปี 2526 จากพรรคกิจสังคม พรรคไทยรักไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคภูมิใจไทย จนถึงพรรคพลังประชารัฐ
 สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชายพัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ (พ่อธนาธร)กระโจนเข้าสู่ถนนการเมือง มาฝึกวิทยายุทธ์กับสมศักดิ์ที่พรรคกิจสังคม เมื่อปี 2539 และในรัฐบาลชวน 2 สมศักดิ์ดันสุริยะขึ้นเป็น รมช.อุตสาห กรรม

ปลายปีที่แล้ว สมศักดิ์-สุริยะ มองไกลไปข้างหน้า น่าจะไม่รุ่งหากขืนยังพรรคพลังประชารัฐ จึงตัดสินใจหวนคืนบ้านเก่า-พรรคเพื่อไทย

เนื่องจากขุมกำลังกลุ่มสามมิตรร่อยหรอลงเรื่อยๆ และท้ายที่สุด สมศักดิ์เลือกสลายกลุ่มสามมิตร ส่งอนุชา นาคาศัย ไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนกำนันตุ้ย-วิวัฒน์ นิติกาญจนา และบุญยิ่ง นิติกาญจ นา อยู่พรรคพลังประชารัฐ 

 สมศักดิ์ย่อมหยั่งรู้กระแสไม่เอา 3 ป.มาแรง จึงเปิดดีลกับเจ๊แดง คนเดิม และปิดฉากสามมิตร

ตอนที่ 2 ส.จอมเก๋าเข้ามาอยู่เพื่อไทย มีแค่อดีต สส.ติดตามมา 3-4 คนโดยสลายกลุ่มสามมิตร หลังจบภารกิจส่งพี่น้อง 3 ป.กลับบ้าน

ชั่วโมงนี้ มองโฉมหน้า ครม.เศรษฐา 1 คล้ายกับ สมศักดิ์ เทพสุทิน มีแค่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เป็นรางวัลปลอบใจ หลังพ่ายเกมแย่งชิงเก้าอี้ รมว.เกษตรและสหกรณ์ 

ดังนั้น วันที่ สมศักดิ์ อุ้มพระเข้าห้องทำงานรองนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล จึงมีแสดงพลังให้ทุกคนได้เห็น ด้วยการระดม สส.เพื่อไทยกว่า 30 ชีวิตมาให้กำลังใจเจ้าพ่อไก่ชนแห่งศรีสำโรง

จะว่าไปแล้ว สมศักดิ์ ไม่ใช่แค่รองนายกฯ ลอยๆ เพราะมีสหายร่วมอุดมการณ์อย่าง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นั่ง รมว.คมนาคม 

สำหรับ สุริยะ ถูกขานชื่อเป็น รมว.คมนาคม มาตั้งแต่โผแรกยันโผสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย  

อนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติ เบียดแซง สุชาติ ชมกลิ่น เข้าป้าย รมช.เกษตรฯ 

ที่เพิ่มเติมเข้ามา 1 คนคือ สส.เดือน หรือ มนพร เจริญศรี สส.นครพนม ที่เลื่อนชั้นขึ้น รมช.คมนาคม โดยการสนับสนุนของสุริยะ เจ้ากระทรวงหูกวาง

สส.เดือน เพิ่งเป็น สส.นครพนม 3 สมัย เริ่มเล่นการเมืองท้องถิ่นโดยการสนับสนุนของ นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ อดีต สส.นครพนม   
 แม้จะเป็น สส.ไม่กี่สมัย แต่ สส.เดือนก็สร้างบทบาทตัวเองในพรรคเพื่อไทย จนโดดเด่นแซงหน้า ไพจิต ศรีวรขาน สส.นครพนม 9 สมัย(เที่ยวนี้สอบตก)

หลังเลือกตั้ง มนพร เจริญศรี มีบทบาทในการชักชวน สส.อีสาน ที่ไม่ได้สังกัดกลุ่มไหนประมาณ 20 คน มาเดินตามสมศักดิ์ เทพสุทิน ขึ้นเหนือล่องใต้ไปดูงานด้านการเกษตร

ไล่เรียงรายชื่อก็มีทั้ง ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ สส.นครพนม,จิรัชยา สัพโส สส.สกลนคร, พัฒนา สัพโส สส.สกลนคร,สกุณา สาระนันท์ สส.สกลนคร และเกษม อุประ สส.สกลนคร

นิพนธ์ คนขยัน สส.บึงกาฬ ,ธัญธารี สันตพันธ์ สส.อุบลราชธานี ภาควัต ศรีสุรพล สส.ขอนแก่น,สุรพจน์ เตาะเจริญสุข สส.ขอนแก่น, วิภาณี ภูคำวงศ์ สส.ขอนแก่น

เชิงชาย ชาลีรินทร์ สส.ชัยภูมิ, ศิวะ พงศ์ธีระดุลย์ สส.ชัยภูมิ ,สมเจตน์ แสงเจริญรัตน์ สส.เลย และทินพล ศรีธเรศ สส.กาฬสินธุ์
 ดังนั้น วันที่สมศักดิ์ และสุริยะ เข้าห้องทำงานวันแรก จึงมี สส.เพื่อไทย ทั้งสายอีสาน และสายเหนือกว่า 30 คน มาร่วมให้กำลังใจ 

หากประเมินขุมกำลัง 2 ส. สมศักดิ์ก็ไม่ใช่ผู้ปราชัย ไร้ราคาค่างวดอะไร

แม้พลาดท่าให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้นั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ก็ได้ทีมสุริยะ คุมกระทรวงคมนาคม แถมยังมี อนุชา นาคาศัย ไปนั่งเก้าอี้ รมช.เกษตรฯ ประกบผู้กองคนดัง รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และดูเหมือนผู้ใหญ่ในพรรค รสทช. ก็ตั้งใจส่งเสี่ยแฮงก์ไปอยู่ที่กระทรวงเกษตรฯ

ในรัฐบาลเศรษฐา 1 น่าจับตาทุกย่างก้าวของ 2 ส. และ 1 อ. โดยเฉพาะการรวบรวมไพร่พลว่า จะซ้ำรอยเดิมสมัยไทยรักไทยหรือไม่
 ถ้าจำกันได้ พรรคไทยรักไทย หลังการเลือกตั้ง 2548 มี สส. 376 คน จึงมากมายไปด้วยก๊กก๊วน ไม่ต่ำกว่า 15 กลุ่ม โดยกลุ่มวังน้ำยม สมัยนั้นถือว่าใหญ่ที่สุด มี สส.อยู่ในซุ้มมากกว่า 80 คน

กลุ่มวังน้ำยมสมัยโน้น มี สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (เลขาธิการพรรคไทยรักไทย) ร่วมกับ สมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นแกนนำ โดยมี อนุชา นาคาศัย เป็นแม่บ้าน คอยดูแลบรรดา สส.ในซุ้ม

วันนี้ 3 สหาย สุริยะ-สมศักดิ์-อนุชา อาจสรุปบทเรียนในอดีต หันมาดำเนินกลยุทธ์ซุ่มซ่อน และรอคอยโอกาส หากคู่ปรปักษ์พลาด จึงจะเปิดเกมรุก

ด้วยประสบการณ์การเมืองยาวนานกว่า 40 ปี สมศักดิ์รู้ดีว่าการเมืองไทย ไม่มีอะไรแน่นอน และวันหน้า โอกาสที่เขาจะกลับไปทำโครงการล้านตัว ตามความฝันก็มีความเป็นไปได้