'ก้าวไกล' รับลูกองค์การสุรา สอบทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อเอกชน ทำรัฐเสียรายได้
'ณัฐชา ก้าวไกล' รับหนังสือสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ 'องค์การสุรา' ขอให้สอบทุจริตเชิงนโยบาย ปมเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ทำรัฐเสียหาย เสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี
เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2566 เวลา 13.00 น. ที่จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะ รับยื่นหนังสือจากนางภรภัทร สุขเจริญ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุรา และคณะ เรื่อง ขอให้ตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายการทุจริตเชิงนโยบายจากการออกประกาศของกรมสรรพสามิตที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชน และขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำการเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบที่ทำให้รัฐเสียหายและสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี
โดยนางภรภัทร กล่าวว่า องค์การสุรา กรมสรรพสามิต จัดตั้งขึ้นมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2506 โดยมีภารกิจเพื่อดำเนินการตามนโยบายพิเศษมุ่งหารายได้เข้ารัฐในรูปแบบการเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายสุราสามทับ สำหรับสุราสามทับ (เอทิลแอลกอฮอล์) หมายถึงสุราชนิดกลั่นประเภทหนึ่งที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ตั้งแต่ 80 ดีกรีขึ้นไป หรือหมายถึงแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ที่ไม่มีการแต่งเติมสารใด ๆ แต่เมื่อเจือจางน้ำหรือของเหลวอื่นแล้วยังสามารถดื่มกินได้ แต่มีหลายคนเข้าใจผิดว่าองค์การสุราฯ ผูกขาดการผลิตสุราหรือแอลกอฮอล์ทั้งหมด แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ บริษัทเอกชนหลายรายสามารถผลิตและทำธุรกิจเช่นเดียวกับองค์การสุรา ซึ่งองค์การสุราได้รับสิทธิ์การจำหน่ายภายในประเทศเฉพาะสินค้าที่ถูกควบคุมโดยรัฐ คือสุราสามทับเท่านั้น ซึ่งสุราสามทับถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรรมอาหาร ยา เวชภัณฑ์ ที่รัฐต้องส่งเสริม สนับสนุนการใช้ มีการควบคุมอัตราภาษีทีต่ำกว่าสุรามากกว่าหลายร้อยเท่า ทำให้สุราสามทับอาจเป็นช่องทางของกลุ่มคนที่ต้องการนำไปทำเหล้าเถื่อนได้ จึงเป็นเหตุผลให้สุราสามทับถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยรัฐเพื่อป้องกันการเกิดเหล้าเถื่อน โดยมีข้อเสนอดังนี้
1. ขอเรียกร้องให้หยุดการเปิดช่องให้เอกชนเข้ามาแทรกแชงการจำหน่ายสุราสามทับในราชอาณาจักร และสนับสนุนให้องค์การสุราฯ เป็นองค์กรหลักในการจัดบริการสาธารณะด้านสุราสามทับ และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เพื่อความมั่นคงของชาติและประชาชน
2. ขอให้ตรวจสอบสินค้าอุตสาหกรรมชื่อ "วัตถุเจือปนอาหาร" ทั้งชนิดเดี่ยวและชนิดผสมของบริษัทเอกชนที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และได้รับสิทธิเสียภาษีในอัตราศูนย์จากกรมสรรพสามิต โดยส่งตรวจวิเคราะห์คุณสมบัติและตรวจสอบกรรมวิธีการผลิตที่กลุ่มวิเคราะห์สินค้าและของกลาง กรมสรรพสามิตเพื่อพิสูจน์ความเป็น "สุรา" ตามมาตรา 152 แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 รวมถึงตรวจสอบแรงแอลกอฮอล์หรือแรงดีกรีเพื่อพิสูจน์ความเป็นสุราสามทับ และขอให้กรมสรรพสามิตตีความประเภทของสินค้าวัตถุเจือปนอาหารเพื่อกำหนดความชัดเจนและสร้างมาตรฐานในการจัดเก็บภาษี
3. ขอให้พิจารณาทบทวนประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอใช้สิทธิ์เสียภาษีในอัตราศูนย์สำหรับสุราสามทับที่นำไปใช้ในการอุตสาหกรรม ลงวันที่ 26 ก.ค. 61 และที่แก้ไขเพิ่มเติมที่ทำให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีและไม่มีสิทธิ์จำหน่ายสุราสามทับในประเทศ กลายเป็นผู้ใช้สุราสามทับได้ในคราวเดียวกันที่สามารถนำสุราสามทับที่ตนเองผลิตขึ้นและมีไว้ส่งออกและนำกลับมาทำเป็นสินค้าเพื่อขายในประเทศและได้รับสิทธิเสียภาษีในอัตราศูนย์โดยผ่านประกาศนี้ ซึ่งอาจขัดแย้งกับพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 และกฎกระทรวง การผลิตสุรา พ.ศ. 2565 ที่นำไปสู่การเปิดช่องให้บริษัทเอกชน และส่งผลทำให้รัฐได้รับความเสียหายสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี
4. ขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเป็นธรรมโดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายกับภาคเอกชน ทั้งผู้ผลิตสุราสามทับเพื่อการส่งออกและผู้นำเข้าสุราสามทับ ไม่ให้มีการนำสุราสามทับมาจำหน่ายในประเทศในรูปของสินค้าอุตสาหกรรมและขอให้ตรวจสอบว่ามีผู้ประกอบอุตสาหกรรมนำสินค้าที่ยังมิได้เสียภาษีโดยถูกต้องและครบถ้วนออกไปจากโรงงานอุตสาหกรรม ที่เป็นการกระทำที่ขัดต่อมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต เพื่อนำไปสู่การดำเนินการกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายภาษีสรรพสามิต โดยหากมีการกระทำความผิดที่ทำให้รัฐเกิดความเสียหายและสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีขอให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด
นายณัฐชา กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อได้รับทราบปัญหาดังกล่าว จะใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎรในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการตั้งกระทู้ถาม เสนอญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาดังกล่าว และจะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อไป