ซูเปอร์เอฟเฟกต์ ‘กำนันนก’ เดิมพัน ‘หลาดา’ ปราบมาเฟีย
“กำนันนก นครปฐม” ไฟลามทุ่ง จับตา "แผนสังคายนา" เดิมพัน "หลาดา" เมื่อ "นักเลง"ลุ่มน้ำสะแกกรัง ปราบ "มาเฟีย" นครปฐม
หนูสั่งลุย!! ส่ง “หลาดา” ชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ป้ายแดง ประเดิมงานแรก สางปมร้อน กวาดล้าง“ผู้มีอิทธิพล” ทั่วประเทศ
หลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาถือว่า บรรดารัฐมนตรีป้ายแดงเริ่มต้นสู่การปฏิบัติหน้าที่แบบ100%
ท่ามกลางเอฟเฟกต์ “ประวีณ จันทร์คล้าย” หรือ “กำนันนก นครปฐม” สั่งลั่นไกปลิดชีพ “พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว” หรือ “สารวัตรแบงค์” กลางงานเลี้ยงที่บ้านพักส่วนตัว ไม่เพียงแต่จะสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วอาณาจักรองค์พระเท่านั้น หากยังกลายเป็นไฟลามทุ่งไปทั่วทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นแวดวงสีกากี แวดวงยุติธรรม ไม่เว้นแม้แต่แวดวงการเมือง ผูกโยงไปที่ตัวละคร ซึ่งเป็น “บ้านใหญ่นครปฐม”
เสียงเรียกร้องยามนี้ ยิงตรงไปที่การสังคายนาครั้งใหญ่ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
โดยเฉพาะการแถลงนโยบายรัฐบาล 2 วันสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาชิกได้ตั้งคำถามไปถึง “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯและรมว.มหาดไทย หลังจากมอบหมายให้ รมช.มท. ที่มาจากพรรคการเมืองเดียวกัน จะเร่งดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลอย่างไร ขึ้นบัญชีอย่างไร มีขั้นตอนอย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น ภายหลังการตั้ง “หลาดา” แห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง คุมปราบปรามผู้มีอิทธิพล มิวายถูกกระแนะกระแหน ค่อนแคะว่าไม่ต่างอะไรกับการสั่ง “เจ้าพ่อ” ไปคุม “มาเฟีย”
ไล่ขุดไปถึงคดีความของ “ชาดา” ในอดีต ตั้งแต่ ปี 2546 ชาดา เคยถูกจับกุมในข้อหาจ้างวานฆ่า สมเกียรติ จันทร์หิรัญ เลขานุการของประแสง มงคลศิริ สส.พรรคไทยรักไทย แต่สุดท้ายศาลพิพากษายกฟ้อง
หรือหลังรัฐประหารปี 2557 “ชาดา” ตกอยู่ในลิสต์ผู้มีอิทธิพลของ คสช. ในฐานะ “ผู้มีอิทธิพล” ใ นพื้นที่ จ.อุทัยธานีถูกบุกค้นบ้านมาแล้ว 3 ครั้ง
ครั้งแรก วันที่ 23 ก.ค. 2558 ตำรวจกองปราบเปิดยุทธการสะแกกรัง ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างใน จ.อุทัยธานี 11 จุด และในนั้นมีบ้านของชาดารวมอยู่ด้วย
ครั้งที่สอง วันที่ 12 เม.ย. 2559 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายผู้มีอิทธิพล ละเมิดกฎหมาย รวมถึงบ้านพักของชาดา
และ ครั้งที่สาม วันที่ 23 มี.ค.2560 พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดยุทธการไพร่ฟ้าหน้าใส ตรวจค้นผู้มีอิทธิพลใน จ.อุทัยธานี 30 จุด รวมบ้านชาดาอีกครั้ง
ขณะที่การตั้งเลือกตั้งเมื่อ ปี2562 “เสี่ยหนู” อนุทิน นำทีมภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกฯ
เดิมที “ชาดา”ถูกจัดอยู่ในลิสต์ภูมิใจไทยในฐานะผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี แต่ชื่อถูกตีกลับโดย “บิ๊กรัฐบาล” เวลานั้น
ทำให้ภายหลัง “ภูมิใจไทย” ต้องเปลี่ยนตัวจาก “ชาดา” เป็น “มาดามแหม่ม” มนัญญา ไทยเศรษฐ์ น้องสาว นั่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ แทน
ครั้งนั้น “ชาดา” ตอบคำถามนักข่าวถึงสาเหตุที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี เพราะถูกมองเป็น “ผู้มีอิทธิพล”ว่า อยากถามว่าเจ้าพ่อคืออะไร ถ้าหากเป็นบุคคลในลักษณะดังกล่าวจริง ตำรวจคงไม่กล้าเข้าบ้าน ตรวจค้นทุกปี ตลอดช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา
“แต่ถ้าบอกว่าเป็นผู้มีอิทธิพลก็ขอยอมรับ แต่เป็นผู้มีอิทธิพลที่สร้างบ้าน สร้างเมือง ช่วยเหลือผู้อื่น และไม่ทำร้ายใคร” ชาดา ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2562
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “ชาดา” ยังให้สัมภาษณ์สื่อแห่งหนึ่ง นิยามระหว่าง “นักเลง” และ “อันธพาล” ว่า
“...นักเลงกับอันธพาล ไม่เหมือนกัน อันธพาลจะสร้างความเดือดร้อนรังแกชาวบ้าน นักเลงคือ คนจริงใจ พูดคำไหนคำนั้น ช่วยเหลือคน ไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่ไม่ยอมให้ใครมารังแก”
ไม่ต่างจาก “มท.หนู” อธิบายเหตุผลการยื่นดาบให้ “ชาดา” คุมเรื่องปราบปรามมาเฟียว่า ต้องเลือกคนที่มีความเข้าใจว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร “เชื่อว่าชาดา กล้าชน” และไม่อยากให้ด้อยค่ากัน
4 ปีผ่านไปภายใต้รัฐบาลเศรษฐา “ชาดา” ได้รับปูนบําเหน็จตำแหน่งรัฐมนตรีสมใจ แถมประเดิมงานแรก สางปมร้อน กวาดล้าง“ผู้มีอิทธิพล”ทั่วประเทศตามบัญชา “อนุทิน” เสนาบดีกระทรวงคลองหลอด
แน่นอนว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ร้อนแรง และสั่นสะเทือนไปทุกวงการเช่นนี้ ย่อมถือเป็นความท้าทาย และเดิมพันครั้งสำคัญของ “รมช.มหาดไทย” ตัวพ่อแห่งลุ่มน้ำสะแกกรังผู้นี้ อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว!!