“พร้อมพงศ์” เผย “พิชิต” ส่งทนายฟ้อง “สมชัย” 19 ก.ย. ฐาน หมิ่นประมาท เรียก 50 ล้าน
“พร้อมพงศ์” เผย “พิชิต ชื่นบาน” ส่งทนายฟ้อง “สมชัย” หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย 50 ล้าน 19 ก.ย.นี้ ชี้ ใส่ความให้สินบนศาล เป็นความเท็จ แจง คนละเรื่องกับละเมิดอำนาจศาล องค์ประกอบความผิดต่างกัน ระบุ เป็น สส.ปี54 มาแล้ว กกต. ยุคสมชัย วิจิจฉัย ไม่ขาดคุณสมบัติ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรับมอบอํานาจจากนายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 19 ก.ย.นี้ เวลา10.00 น. นี้ ตนพร้อมทนายความจะไปยื่นฟ้องนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. และนักวิชาการมหาวิทยาลัยชื่อดังต่อศาลอาญา ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 นายพิชิต
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ภายหลังที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคําสั่งแต่งตั้งคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จํานวน 9 คน ซึ่งมีชื่อนายพิชิต รวมอยู่ด้วย นายสมชัย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในลักษณะใส่ความ นายพิชิต ในเรื่องเดิมที่นายสมชัย เคยโพสต์มาแล้วเกี่ยวกับกรณีที่นายพิชิต ได้เคยต้องคําพิพากษาในคดีละเมิดอํานาจศาล ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการให้สินบนใดๆ และไม่ใช่คดีอาญา แต่การให้สัมภาษณ์ของนายสมชัย เพื่อให้สังคมเข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการให้สินบนศาล ซึ่งเป็นความเท็จ โดยการฟ้องคดีนี้นายพิชิตจะเรียกค่าเสียหายจากนายสมชัย 50 ล้านบาท
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า การที่นายพิชิต ได้ยื่นฟ้องนายสมชัยครั้งนี้เพื่อปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของตนเอง และเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดของคนในสังคม เพราะเรื่องที่นายพิชิต ต้องคําพิพากษานั้น ไม่ใช่เรื่องการให้สินบนเจ้าหน้าที่ศาล และไม่ใช่คดีอาญาด้วย เรื่องนี้นายสมชัยทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างดีว่าความผิดฐานให้สินบนกับความผิดฐานละเมิดอํานาจศาล เป็นกฎหมายคนละฉบับ และองค์ประกอบความผิดต่างกันอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ นายพิชิต ได้เคยสมัคร สส. และได้รับเลือกเป็น สส. มาแล้วเมื่อปี 54 นายสมชัย เป็นกกต. ในขณะนั้น ก็ทราบมติของ กกต. ที่วินิจฉัยว่านายพิชิต ไม่ขาดคุณสมบัติในการสมัครเพราะไม่เคยต้องคําพิพากษาในคดีอาญามาก่อน และการที่นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้นายพิชิต เป็นที่ปรึกษา นายกรัฐมนตรีก็ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องคดีของนายพิชิต เลย แต่นายสมชัย กลับมาพูดใส่ความ และดูแคลนนายพิชิต ต้องการที่จะทําลายชื่อเสียงของนายพิชิต อย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้น การยื่นฟ้องคดีนี้จึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย เพื่อปกป้องชื่อเสียงของนายพิชิตเท่านั้น ไม่ได้มีความแค้นใดเป็นการส่วนตัวต่อกันแต่อย่างใด ส่วนรายละเอียดของประเด็นที่จะฟ้องจะได้ แจ้งให้ทราบอีกครั้งในวันที่ยื่นฟ้อง