ดึง ‘ต่างชาติลงทุน’ ไทยต้องโชว์ศักยภาพ
ความหวังที่จะผลักดันให้ไทยเป็น ‘ฮับมหานครแห่งดิจิทัล’ เทียบชั้นสิงคโปร์ เป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่นี้ต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจัง การสร้างสภาพแวดล้อมด้านดิจิทัลผ่านอีโคซิสเต็มในทุกมิติต้องมี
ประเทศไทยยามนี้นับว่าอยู่ในบรรยากาศที่ดูคึกคักและมีสีสัน สวนทางสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศที่ยังเข็นไม่ขึ้น โดยเฉพาะบรรยากาศของการลงทุนจากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมเวที UNGA78 ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หนึ่งในภารกิจ คือ ความพยายามดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย ระหว่างการประชุมฯ นายเศรษฐา มีโอกาสเข้าพบกับนักลงทุน และผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่ บิ๊กเทคโนโลยี บิ๊กคอร์ประดับโลก หนึ่งในนั้น คือบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป รวมถึงโอกาสที่จะได้พบปะผู้บริหารของกูเกิลด้วย
สำหรับไมโครซอฟท์นั้น นายกฯ อยากให้เข้ามาลงทุนระบบดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย ที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ ราว 5 แสนล้านบาท มีประเทศที่อยู่ในข่ายไมโครซอฟท์จะเลือกไปลงทุน คือ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ นายกฯ ชวนไมโครซอฟท์มาลงทุนในไทยเหมือนเทสลา ซึ่งเทสลามีแผนลงทุนระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย อินเดีย มาเลเซีย ขึ้นกับว่าเขาจะเลือกใคร เช่นเดียวกันไมโครซอฟท์ก็กำลังเลือกว่า จะมาลงทุนในไทยหรือไปประเทศเพื่อนบ้านเรา
ขณะที่ ‘ประเสริฐ จันทรรวงทอง’ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ ก็เดินทางไป เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมงาน Huawei Connect 2023 และ ร่วมประชุม APAC National ICT Roundtable 2023 ได้หารือกับบริษัทสายเทคของจีนกว่า 20 บริษัท ชวนตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งหัวเว่ยตอบรับเข้ามาลงทุนสร้างศูนย์พัฒนาบุคลากรไทยด้านเอไอและคลาวด์ เพื่อผลิตคนทักษะเอไอและคลาวด์ปีละ 10,000 คน หรือ 50,000 คน ในระยะเวลา 5 ปี ประเมินว่าโครงการนี้ สร้างรายได้ถึง 60,000 ล้านบาท แก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้านเอไอและคลาวด์ และจะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคด้านเอไอและคลาวด์
ความหวังที่จะผลักดันให้ไทยเป็น ‘ฮับมหานครแห่งดิจิทัล’ เทียบชั้นสิงคโปร์ เป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่นี้ต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจัง การสร้างสภาพแวดล้อมด้านดิจิทัลผ่านอีโคซิสเต็มในทุกมิติต้องมี ที่ผ่านมามีความพยายามดึงนักท่องเที่ยวด้วยการฟรีวีซ่าให้กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มา Workcation มีสายอาชีพด้านไอทีและเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่ม Digital Nomad ที่พบว่า เข้ามาทำงานในจังหวัดเชียงใหม่มากกว่า 5,000-6,000 กว่าคน สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่จำนวนมาก
ดังนั้นเราจะเห็นว่า การสนับสนุนให้มีการขยายตัวกลุ่ม Digital Nomad เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และเป็นช่องทางหนึ่งที่จะดึงคนเก่ง ทักษะดีจากต่างประเทศเข้ามาในไทยได้มากขึ้น นั่นหมายถึงว่า รัฐบาลเศรษฐา 1 ต้องเร่งกลับมาพัฒนาของดีในประเทศ พัฒนาอินฟราสตรัคเจอร์ที่จำเป็น และอีโคซิสเต็มต้องมีความพร้อม เพื่อโชว์ศักยภาพของประเทศไทยให้โลกได้เห็น