'บิ๊กโจ๊ก' ไร้ปัญหา นั่ง เลขา ปปส. หลังลือหนัก 'สั่งย้าย' ยันไม่เคยออฟไซด์ใคร
'บิ๊กโจ๊ก' ยันยังไม่เห็นคำสั่งย้าย ระบุไร้ปัญหา นั่ง เลขา ปปส. ยันไม่เคยออฟไซด์ใคร ชี้เลือก ผบ.ตร. อำนาจ นายกฯ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก รองผบ.ตร. กล่าวถึงมีคำสั่งถูกย้ายหลังถูกค้นบ้านตามหมายศาล ว่า ยังไม่เห็นคำสั่ง โดยตนจะเดินทางไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อประชุมตามปกติ ตอนนี้ยังคงมีกำลังใจดี และขอทำงานตามปกติทุกอย่าง คดีที่ค้างคาจะต้องสะสางทั้งหมดให้เสร็จ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามตนจะต้องรับผิดชอบให้เสร็จ ตราบใดที่ยังรับผิดชอบอยู่
เรื่องนี้เป็นการชกใต้เข็มขัด เป็นการดิสเครดิตตนอย่างเห็นได้ชัดและมีคดีหลายคดีที่งวดเข้ามาแล้ว แต่ไม่อยากกล่าวถึงใคร ขอให้เป็นไปตามกฎหมายใครทำผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ใครละเมิดอำนาจศาลก็จะต้องดำเนินคดีไป ที่ผ่านมาตอนทำคดีทุกคดีโปร่งใส ทำร่วมกับอัยการไม่ได้ทำเพียงลำพัง เฉพาะในส่วนของตำรวจตนจะไม่ลดบทบาทและทำงานไปตามจริง หากยังมีความรับผิดชอบในหน้าที่อยู่ จะทำงานตามปกติ ตนต้องอดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก และไม่มักมากในลาภผล
"ในส่วนการแต่งตั้งผบ.ตร. ผมเป็นเบอร์ 2 ไม่ได้คิดไปออฟไซด์ใครอยู่แล้ว ตาม พ.ร.บ.ตำรวจยึดหลักอาวุโส ผมยังสนุกอยู่กับการทำงาน ที่ผ่านมาไม่เคยคุยหรือไปแข่งขันกับใคร เพราะยังเหลือเวลาอีกเยอะ ตื่นเช้ามาได้ทำงานก็พอใจแล้ว ส่วนใครจะได้เป็น ผบ.ตร. เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาของตร.ที่จะพิจารณา ตัวชี้วัดอยู่ที่ประชาชน ผมมีหน้าที่ทำงานตามหน้าที่ให้ดีที่สุด "
ส่วนเรื่องที่โดนตรวจสอบก็ต้องว่ากันไป แต่ถ้าเกิดใครทำโดยไม่ชอบก็จะต้องรับโทษในการกระทำความผิดนั้น ในส่วนของเว็บพนันออนไลน์ ตนมีแต่การปราบเว็บพนันอย่างเดียว เว็บพนันไม่มีใครรู้จักตน มีแต่คนเขากลัวตน ฝากถึงประชาชนว่าไม่ต้องเป็นห่วง จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พร้อมรับการตรวจสอบ เมื่อเขาอยากตรวจสอบก็ให้เขาตรวจสอบ เพราะเคยโดนมาเยอะแล้ว ไม่ใช่พึ่งมาโดน
ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องที่มีใบสั่งไม่ใช่เรื่องที่ปกติ เราก็ต้องรับการตรวจสอบ ส่วนข่าวลือที่ให้ตนไปนั่งเป็นเลขาธิการ ปปส.นั้น ตำแหน่งใดก็ได้ขึ้นอยู่กับหลักความสมัครใจของเจ้าตัว และต้องขึ้นอยู่กับหลักความเป็นธรรมด้วย ขอยกตัวอย่าง เช่น ตนดำเนินคดีกับตำรวจเยอะแยะไปหมด แต่ยังไม่มีใครถูกออกจากราชการ ถามว่าทำไมถึงยังไม่ออกจากราชการ เพราะอยู่ที่หลักบริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาก็ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์ ตนยังไม่มีข้อถูกกล่าวหาสักข้อ เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปชี้แจงข้อกล่าวหา แต่ที่ตั้งประเด็นการค้นบ้านตน มันเป็นความผิดปกติ เพราะมีการหลอกให้ศาลไม่รู้ว่าเป็นบ้านของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มันเป็นการหมกเม็ดศาลแล้วมาค้นบ้านตน โดยอาศัยเพียงแค่บ้านเลขที่ ถามว่าตำรวจใครก็รู้ว่าเป็นบ้านของตน ต้องไปถามศาลว่า ศาลรู้ไหมว่าเป็นบ้านตน ศาลก็คงไม่ทราบเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่มีการตระเตรียมการมาแล้วว่าจะดิสเครดิตตนให้ได้ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องการเมืองภายในองค์กร ขอให้ทุกคนที่รับรู้ข่าวสารพิจารณาดูเอาเอง