"สามารถ" เตือนนโยบาย“เงินดิจิทัล” ต้องกล้าแก้ปัญหา-ถอดบทเรียน "เราชนะ"
"สามารถ" เตือนนโยบายรัฐบาลแจก“เงินดิจิทัล” ต้องกล้าแก้ปัญหา พร้อมแนะ ถอดบทเรียนเราชนะ หวั่นผลักภาระร้านค้า
นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวผ่านรายการ “เคลีย์ชัด ชัด” พร้อมกับนำเจ้าของร้าน “พลอยชาคาเฟ่” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหายจากโครงการเราชนะ ทั้งหมด 3 พันกว่าร้านค้า ที่ถูกรัฐส่งหนังสือเรียกเงินคืน 100% โดยในส่วนของ “พลอยชาคาเฟ่” ถูกเรียกเงินคืนทั้งหมดจากหน้าร้านและออน์ไลน์ รวมแล้วประมาณ 9 แสน 2 หมื่นบาท
โดยนายสามารถ ยืนยันว่าคดีของผู้เสียหายเข้าข่ายนโยบายรัฐปล้นเงินร้านค้า เนื่องจากเป็นนโยบายสาธารณะของรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินในโครงการก็ถูกแจกจ่ายให้กับประชาชน ประชาชนก็นำไปจับจ่ายซื้อของในโครงการ และได้รับสินค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่กลับผลักภาระให้ร้านค้าเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะข้อจำกัดของการข้ามเขตพื้นที่เรื่องนี้แม้จะเกิดขึ้นในรัฐบาลของ พล.เอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ก็ต้องถือเป็นความกล้าของรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาแก้และจบปัญหาได้ด้วยการแก้ระเบียบและเงื่อนไขโดยกระทรวงการคลัง
แต่หากยังดื้อดึงปัญหาลักษณะเดียวกันนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึงโครงการเงินดิจิทัล ของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน อีกในอนาคตอย่างแน่นอน
“รัฐบาลเศรษฐา ต้องกล้าหน่อย กระทรวงการคลังต้องทำหนังสือเสนอ รมต. เปลี่ยนเงื่อนไข เท่านี้ก็ไม่ถูกฟ้องร้องกันแล้ว วันนี้ต้องให้มีคนผูกคอตายไหม บอกเลยมีอีกเป็นพันร้านค้าที่คิดแบบนี้ เค้าไปร้องที่สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ทำไมต้องผลักภาระให้ไป ร้องศาลปกครอง เสียตังค์ค่าทนาย
สุดท้ายกลายเป็นการปล้นเงินร้านค้า เพราะร้านค้าต้องจ่ายคืน 100% มันไม่ใช่เขาจะไปสู้ ชนะได้ไงในเมื่อระเบียบเขียนมาแบบนี้ แต่ผมกำลังถามว่าระบบกระบวนการยุติธรรมทั้งอาญา และแพ่ง ทำผิดแค่ไหนรับแค่นั้น ไม่มีหรอกครับ มาเรียกเค้าหมดแบบนี้....”
นายสามารถ กล่าวด้วยว่า โครงการนี้กำลังทำร้ายประชาชน รัฐบาลควรรับฟังเสียของประชาชนตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เกิดการสูญเสีย ด้วยการสร้างความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายในคดีโครงการเราชนะ
เพราะที่ผ่านมากระทรวงการคลังทำงานค่อนข้างหยาบมาโดยตลอด ยอดเงินหมุนผ่านบัญชีเท่าไรก็มีการสั่งอายัดและเรียกคืนทั้งหมดทำงานเหมือนปปง. อายัดไว้ก่อนแล้วค่อยให้ผู้เสียหายมาชี้แจง ชี้แจงไม่ได้ก็ยึดทรัพย์ทั้งหมด และผลท้ายสุดคนเดือดร้อนคือ ประชาชน
“พลอยชาคาเฟ่” คือ หนึ่งในผู้เสียหายจากโครงการเราชนะ ซึ่งมีมากกว่า 3 พันรายที่กำลังอยู่ระหว่างการฟ้องร้อง โดยได้เริ่มได้สมัครเข้าร่วมโครงการเราชนะ จากการเชิญชวนของเจ้าหน้าที่ธนาคาร
โดยในรายละเอียดโครงการอนุญาตให้ร้านค้าสามารถขายสินค้าทางออน์ไลน์ได้ทั้งสิ้นค้าอุปโภคและบริโภคสามารถลงทะเบียนโทรศัพท์ได้มากถึง 5 เครื่องเพื่อแสกนการขายสินค้าแต่ระหว่างการขายสินค้าตามระยะเวลาโครงการ ร้าน “พลอยชาคาเฟ่” กลับถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดระเบียบเรื่องการข้ามเขต และถูกระงับการซื้อขายพร้อมกับถูกหนังสือเรียกคืนเงินจากการขายสินค้าทั้งหมด 100% รวมเป็นเงิน 9 แสน 2 หมื่นบาท ทั้งที่ร้านได้มีการขายและส่งสินค้าแก่ลูกค้าเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ร้านค้าได้รับความเดือดร้อนจนกระทั่งได้มีการฟ้องร้องโดยผู้ประกอบการต้องยื่นอุทธรณ์คำสั่ง พร้อมแสดงหลักฐานแก่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ร้านค้าที่ได้ผลกระทบ ยังได้ส่งดอกไม้มาให้คุณสามารถ เพื่อเป็นกำลังใจให้ช่วยร้านค้าที่ได้รับผล