ทนายอนันต์ชัย ลั่นสัปดาห์หน้ามีบิ๊กเซอร์ไพรส์ วงการสีกากี
ทนายอนันต์ชัย ลั่นสัปดาห์หน้ามีบิ๊กเซอร์ไพรส์ วงการสีกากี ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่ ด้าน "บิ๊กโจ๊ก" ยินดี "บิ๊กต่อ" เป็น ผบ.ตร. คนใหม่ ยันไม่ได้มีปัญอะไรกัน พร้อมร่วมงานด้วย
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 เวลา 18.10 น. ที่สำนักงานทนายความอนันต์ชัย ไชยเดช พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมตำรวจ 8 นาย ที่ถูกดำเนินคดี ข้อหาเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ ที่ได้รับการประกันตัวมา ได้ร่วมกันแถลงความบริสุทธิ์ใจ รวมถึงแนวทางการต่อสู้คดี
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีที่ตนให้ทางทนายความดำเนินการนั้น ยืนยันพร้อมสู้เต็มที่ โดยวันที่ 25 ต.ค. นี้ ศาลนัดไต่สวนมา วันนี้จึงอยากจะพาตำรวจทั้ง 8 นาย มาแสดงความบริสุทธิ์ใจ และตนก็ให้ทางทนายชี้แจงไปหมดแล้ว จะไม่ขออธิบายอะไรเยอะ
ขณะที่ ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ขณะนี้มีทีมทนายอนันต์ชัย ช่วยดำเนินคดีทั้งแพ่ง และอาญา และศาลปกครองดูเป็นเรื่อง ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก และตนสนใจอย่างเดียวว่า ถูกหรือผิด โดยเมื่อสอบถามแล้ว ทางตำรวจเขายืนยันว่าไม่ผิด
ส่วนกรณีของ "มินนี่" ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ อยากถามว่า ตำรวจเขาอาจจะรู้หรือไม่รู้ ซึ่งเขาต้องบอกมา แต่ถ้าบอกว่าไม่รู้ และผมได้เงินมา ไปจ่ายให้พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว ตำรวจต้องไปตามไล่เช็กบิลพ่อค้าหรือไม่ รวมถึงข้อมูลเหล่านี้ คิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ควรนำเปิดเผยต่อสาธารณชน เพราะเป็นข้อมูลลับที่ตำรวจได้มา แล้วนำให้คน ๆ หนึ่ง มาเผยแพร่ต่อสาธารณะชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ทนายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า คนที่นำข้อมูลมาเปิดเป็น โฆษก ตร. หรือไม่ ขอให้ตำรวจชุดนี้เตรียมตัวไว้ เพราะเรื่องนี้ ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่ เราหลังพิงเชือก แต่ก็จะสู้แบบผู้มีปัญญาชน
"ตำรวจทำงานดีมาตั้งเยอะแยะ แต่พอพลาดทีเดียว เอาเขาตาย ฝากบอกตำรวจว่า ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าทำในสิ่งที่ถูกใจ แต่ถ้าทำในสิ่งที่ถูกใจ แต่ไม่ถูกต้อง ต้องบอกว่า นรกมีจริง และถ้าคนไหนผิดก็ผิด แต่ถ้าไม่ผิดต้องให้ความเป็นธรรม"
พ.ต.อ.ภาคภูมิ ยันไม่เกี่ยวข้องเว็บพนัน
ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย รองผู้บังคับการกองบังคับการสนับสนุนทางเทคโนโลยีภาค 4 ได้กล่าวถึงประเด็นกรณีภาพถ่ายกับ "มินนี่" ว่า มีการขอถ่ายรูป นั่งใกล้บ้าง ซึ่งรู้จักกันแน่นอน และมีความสนิทสนมกันพอสมควร แต่ไม่ทราบว่า "มินนี่" ทำอะไร
ยืนยันว่า ไม่ได้ติดต่อกับ "มินนี่" ตั้งแต่ถูกจับเคยโทรมาหาตน ตอนถูกจับ 1 ครั้ง พูดคุยกันไม่ถึง 1 นาที ยืนยันว่า ไม่ได้ไปประกันตัว ไปถาม ผกก.โรงพัก ได้เลยว่า ตนโทรไปหา "มินนี่" หรือไม่
พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า รู้จักสนิทสนมกับ "มินนี่" เมื่อปี 63 ระยะเวลา 2 เดือน และหายไป 2 ปี มาเจออีกครั้งต้นปี 66 และเจอกันไม่กี่ครั้ง ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ ให้ "มินนี่" มาตอบดีกว่า เพราะตนเป็นผู้ชาย ให้ผู้หญิงพูดจะได้ไม่เสียหาย ตนรู้จักกับแม่ของ "มินนี่" ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ในช่วงที่เป็น ผกก.สภ.เมืองเลย และเป็น กก.ตร.โรงพัก ปี 63 โดยไปเจอกันในงานเลี้ยง 2 ครั้ง จากนั้นตนย้ายไปอยู่ขอนแก่น 2 ปีไม่เคยติดต่อกันเลย
พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เกิดขึ้น เพราะตนโอนเงินไปเกี่ยวข้องกับคนอื่น ๆ อย่างน้องชาย หรือพาดพิงถึงผู้บังคับบัญชา ซึ่งเรื่องนี้ตนเองต้องรับและแก้เอง โดยมอบหมายทนายความ ดำเนินการทั้งหมด
ส่วนรูปภาพคู่กับ "มินนี่" เป็นภาพช่วงต้นปีนี้ สังเกตว่า อยู่ในร้านอาหาร งานเลี้ยง มีคนขอถ่ายรูป ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ปฏิเสธความรู้จักและสนิทสนม ซึ่งเรื่องส่วนตัวถ้ามีเจตนาทำให้เสียหาย ก็จะมอบทนายความดำเนินการทุกเรื่อง เพราะถือว่าทำเกินไป ยืนยันไม่เสียกำลังใจ ทำไปตามกฎหมาย
พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวอีกว่า ตนไม่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน กรณีที่บอกว่า ตนเองเป็นผู้สั่งการ ให้สังเกตว่า มียอดเงินโอนมาในจำนวนดังกล่าว จะเป็นเจ้าของได้อย่างไร รวมทั้งไม่มีบัญชีม้า เพราะมีเพียงบัญชีเงินเดือน
พ.ต.อ.ภาคภูมิ ยังตั้งข้อสังเกต กรณีขอออกหมายจับ โดยไม่ระบุยศตำรวจ แต่ระบุว่า มีอาชีพรับจ้าง อีกทั้งตำรวจบางนาย มียศถึง "พล.ต.ต." ซึ่งไม่มีเจตนาหลบหนี และเดินทางไปมอบตัว หากตรงไหนทำให้เสียหาย ก็จะให้ทนายความดำเนินการ
ส่วน พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิสมัย ผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี น้องชาย พ.ต.อ.ภาคภูมิ ยอมรับว่า รู้จักกับ "มินนี่" โดยผ่านจากพี่ชาย ที่เป็นคนแนะนำ เท่าที่จำได้เคยเจอกันเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น เป็นร้านอาหารหนึ่งครั้ง และเป็นที่สถานบันเทิงอีกหนึ่งครั้ง ทุกครั้งที่เจอกัน เนื้อหาส่วนใหญ่ที่มีการพูดคุย ก็จะเป็นเรื่องของกฎหมาย ซึ่ง "มินนี่" ก็ได้มีการถ่ายรูปคู่กับตน แล้วส่งไปให้พี่ชายดู จึงเป็นเรื่องที่มีคนนำมาเชื่อมโยงกันว่า ตนมีความสนิทสนมกับ "มินนี่"
พ.ต.อ.เขมรินทร์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ตนพี่ชาย ก็ไม่ค่อยมีเวลาได้มาเจอกันอยู่แล้ว เพราะต่างคนต่างทำงานคนละพื้นที่ จึงทำให้ไม่ทราบเรื่องความสัมพันธ์ ระหว่าง "มินนี่" และพี่ชาย ส่วนเรื่องของหมายจับ หลังจากที่เห็นหมายจับมาถึงบ้าน ยอมรับว่าตกใจ เพราะตนโดนข้อหาเรื่องของการพนัน และฟอกเงิน และยังพบข้อพิรุธในหมายจับ ที่ไม่ได้มียศนำหน้า ส่วนอาชีพก็มีการระบุว่า รับจ้างเท่านั้น ไม่ใช่การรับราชการตำรวจ ซึ่งประเด็นนี้ได้นำเรื่องให้กับทนายความ เป็นคนตรวจสอบแล้ว
ส่วนเรื่องบัญชีธนาคาร ยืนยันว่า ไม่ได้มีบัญชีม้า เพราะตลอดชีวิตการรับราชการ มีเพียงบัญชีเดียวที่เอาไว้ใช้รับเงินเดือน โดยเปิดไว้ตั้งแต่เป็นยศร้อยตำรวจโท ดังนั้นตนไม่มีความจำเป็น ที่จะนำบัญชีไปรับเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะมันไม่คุ้มกัน
ขณะที่ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า วันนี้ไม่ได้วิตกกังวลหรือเครียดอะไร เพราะเรื่องจริงก็คือเรื่องจริง ความจริงก็คือความจริง ข้อเท็จจริงก็ต้องไปพิสูจน์ทราบกันต่อไปในภายภาคหน้า
เมื่อถามว่า เรื่องนี้เหมือนถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ พล.ต.ต.นำเกียรติ กล่าวว่า วันหน้าเราจะทราบกันเองว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทั้งการออกหมายจับตำรวจ ใช้คำนำหน้าว่า “นาย” ซึ่งถ้าในระดับ "พล.ต.ต." แล้ว ก็ต้องรู้อยู่แก่ใจว่า ตำรวจคงไม่หลบหนี และก็ไปต้องมอบตัวเอง แต่นี่ก็ต้องมองว่า มีเจตนาอะไรหรือไม่ ส่วนช่วงตอนจับกุมตัวเองนั้น ก็เป็นไปตามภาพที่ปรากฏ แล้วแต่สื่อจะพิจารณา ทุกคนเห็นภาพก็พิจารณาตัดสินใจได้ ขอไม่กล่าวถึงใคร
ส่วนพ.ต.ท.คริษฐ์ ริยะเกตุ รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธร สำโรงเหนือ ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องหมุนเงินไม่ทัน และไม่เล่นการพนันแน่นอน โดยขอให้สอบถามรายละเอียดกับทนายความ เพราะเป็นเรื่องของสำนวนคดี
สุดท้ายก่อนจบการแถลง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้แสดงความยินกับ "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ว่าที่ ผบ.ตร. คนใหม่ ว่า ตนไม่มีความเห็น ก็ต้องยินดีกับท่าน เพราะท่านเป็น ผบ.ตร. ต้องร่วมงานกัน พร้อมทั้งให้ทนายอนันต์ชัย ตอบคำถาม ซึ่งระบุว่า อาจจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์วงการสีกากีในช่วงสัปดาห์หน้า ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่ นอกจากนี้ในวันที่ 25 ต.ค. นี้ ศาลอาญาสั่งไต่สวน คำร้องละเมิดอำนาจศาลกรณีขอหมายค้นบ้าน