'ก้าวไกล' เมิน 'พี่ศรี' ร้อง ป.ป.ช.สอบปมขับ 'ปดิพัทธ์' ยันทำตรงไปตรงมา
‘ก้าวไกล’ เมิน ‘ศรีสุวรรณ’ ร้อง ป.ป.ช.สอบปมขับ ‘ปดิพัทธ์’ พ้นพรรค เป็นนิติกรรมอำพราง ยันตรงไปตรงมาตามกฎหมาย-ข้อบังคับทุกประการ เหน็บอยากเห็นตรวจสอบพรรคอื่นด้วย มาตรฐานการทำงานขององค์กรอิสระเป็นอย่างไร หวังประธานสภาชงชื่อ ‘ชัยธวัช’ เป็นผู้นำฝ่ายค้านโดยเร็ว
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2566 นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เตรียมร้องป.ป.ช.กรณีที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ และ สส.ก้าวไกล มีมติเมื่อ 28 ก.ย. ให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก เขต 1 ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพื่อให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ได้ต่อไป และหัวหน้าพรรคก้าวไกลก็จะได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯได้ เป็นนิติกรรมอำพราง ผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ ว่า ถือเป็นสิทธิของนายศรีสุวรรณ และเป็นสิ่งที่นายศรีสุวรรณทำเป็นประจำอยู่แล้วในแง่การตรวจสอบการทำหน้าที่ของพรรคการเมือง และ สส.ของทุกพรรค เรายินดีรับกระบวนการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบแบบใดก็แล้วแต่ อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นตรงไปตรงมา เป็นกระบวนการที่ผ่านการแสดงความคิดเห็นและที่ประชุมของ สส.ร่วมกับกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เป็นไปข้อบังคับพรรคทุกประการ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่สุดคือเรายืนยันว่าในเมื่อวันนี้สถานะของพรรคก้าวไกล คือแกนนำของพรรคร่วมฝ่ายค้าน และเราประกาศความพร้อมในการเป็นแกนนำเชิงรุกมาโดยตลอด ด้วยข้อจำกัดที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ สส. ทำให้ไม่สามารถเข้าสู่การเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้เต็มรูปแบบ เราก็จำเป็นต้องแก้ปัญหา ต้องขอบคุณนายพิธาที่เสียสละด้วยการลาออกและมีการเลือกนายชัยธวัช ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ในเมื่อเรามีความจำเป็นและจะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุด ถ้าจะต้องทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านด้วยการมีผู้นำฝ่ายค้านทางนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็พร้อมที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ในเมื่อจุดยืนของเราเป็นเช่นนั้น ก็ต้องสอบถามว่ามันไม่สามารถไปพร้อมกับการมีสมาชิกของพรรคเราไปเป็น รัฐมนตรี ประธานสภา หรือรองประธานสภา ตามเงื่อนไขที่ถูกกำหนดด้วยรัฐธรรมนูญได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เราจึงจำเป็นต้องมีการทำความเข้าใจและพูดคุยกับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เมื่อนายปดิพัทธ์ยืนยันว่ามีความประสงค์ที่จะรักษาตำแหน่งรองประธานสภาฯ ไว้ เพื่อประโยชน์ในการขับเคลื่อนการทำงานตามวิสัยทัศน์ที่เขาแถลงไว้ ทางพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะที่ประชุม สส.และกรรมการบริหารพรรคก็ไม่สามารถดำเนินการเป็นอื่นได้ ในเมื่อเราจำเป็นต้องมีผู้นำฝ่ายค้าน เราก็ต้องพิจารณาว่านายปดิพัทธ์ไม่ได้ปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นเงื่อนไขและสิ่งที่ทางพรรคก้าวไกลได้สื่อสาร ทางพรรคก็จำเป็นต้องให้นายปดิพัทธ์พ้นจากสมาชิกภาพของพรรคไป
“คิดว่าถ้าใครที่อ่านกฎหมายเป็น ติดตามความเคลื่อนไหวในทางการเมืองมาโดยตลอด จะเห็นได้ว่านี่คือจุดยืนสำคัญที่พรรคก้าวไกลไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มันไม่ใช่เรื่องนิติกรรมอำพราง มันไม่ใช่เรื่องนิติกรรมซ่อนเร้น มันคือการทำนิติกรรมอย่างตรงไปตรงมา ตามบทบัญญัติทางกฎหมายและเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์แบบ ” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามพรรคไม่ได้มีความกังวลประการใดในเรื่องนี้ ตนก็ต้องถามกลับไปด้วยซ้ำว่า หากจะมีการยื่นต่อองค์กรใดจริง ในสถานะขององค์กรต่างๆ จะก้าวล่วงมาวินิจฉัยเจตนารมณ์หรือดุลพินิจในการทำหน้าที่ภายในของพรรคการเมืองได้อย่างไร เพราะมันไม่ใช่ว่ากรรมการบริหารคนใด คนหนึ่งดำเนินการ ไม่ใช่ว่าตัวพรรคดำเนินการเอง แต่ว่าเป็นความเห็นร่วมกันผ่านที่ประชุม สส.และกรรมการบริหารพรรค ในเรื่องของพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ทำก่อนนี้ เราไม่เคยก้าวล่วงไป แต่อยากให้นายศรีสุวรรณ พิจารณาและดำเนินการเช่นเดียวกัน อยากรู้ว่าบรรทัดฐานในการดำเนินการขององค์กรอิสระถ้าจะต้องมีการตรวจสอบ จะดำเนินการอย่างไร ในส่วนของพรรคก้าวไกลเมื่อเราดำเนินการจุดนี้ไปแล้ว ก็หวังแต่เพียงว่าทางประธานสภา จะรีบดำเนินการในส่วนของการเสนอรายชื่อนายชัยธวัช ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่มี สส.มากที่สุดให้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน โดยเร็ว เราหวังตรงนี้มากกว่าเพื่อจะทำงาน ไม่มีข้อกังวลต่อข้อร้องเรียนใดๆ ทั้งสิ้น