ผ่าโครงสร้าง ‘องคาพยพส้ม’ - ‘กลุ่มเพื่อนเอก’ กระชับอำนาจ ‘ก้าวไกล’
"...การปรับทัพ “ก้าวไกล” โฉมใหม่ คือการกระชับอำนาจในพรรคให้กลับมาอยู่ในมือ “กลุ่มเพื่อนเอก” อีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งตั้งพรรคอนาคตใหม่ หลังจากอำนาจในมือถูกกระจายไปหลายกลุ่มก่อนหน้านี้..."
“ก้าวไกล” ปรับทัพ กระชับอำนาจทั้งในพรรค และสภาฯ ควบคู่กัน
“ชัยธวัช ตุลาธน” กุนซือมือประสานสิบทิศ 1 ใน 3 ของ “กลุ่มเพื่อนเอก” ได้รับความไว้วางใจถูกเลือกมาเป็น “ลีดเดอร์สีส้ม” และมีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่ ภายหลัง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ลาออก
ขณะเดียวกันมีมติขับ “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” สส.พิษณุโลก เขต 1 ออกจากพรรค เพื่อให้ยังนั่งทำงานในเก้าอี้ “รองประธานสภาฯ คนที่ 1” ได้ต่อไป โดยมีแนวโน้มสูงที่เขาอาจย้ายไปสังกัดพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) หรือไม่ก็พรรคเป็นธรรม (ปธ.) พรรคใดพรรคหนึ่ง
การขยับทั้ง 2 ส่วนคือเพื่อคลาย “เดดล็อค” ทางการเมือง ได้ทั้งเก้าอี้ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ส่วนคนใกล้ชิดยังนั่งเก้าอี้ “รองประธานสภาฯ” อยู่
การแก้เกมดังกล่าวของ “ก้าวไกล” ถูกหลายฝ่ายมองว่าเป็นการเล่น “การเมืองแบบเก่า” ที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ “คนอื่น” มาก่อนหน้านี้
ทว่าสาเหตุจำเป็นที่ต้องปรับทัพจัดโครงสร้างใหม่ดังกล่าว มิใช่แค่เรื่องคลายเดดล็อคทางการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการกระชับอำนาจในมือให้กลับมาอยู่ในกลุ่ม “ผู้ก่อตั้ง” อีกครั้ง
หลายคนอาจทราบแล้วว่า จุดเริ่มต้นของ “ผู้ก่อตั้ง” พรรคอนาคตใหม่ คือ กลุ่มเพื่อนฝูงที่ร่วมกันจัดทำ “ฟ้าเดียวกัน” นิตยสารวิพากษ์วิจารณ์โครงสร้างทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจอย่างเข้มข้น ระหว่างกลางทศวรรษ 2540 เป็นต้นมา นำโดยสหายรัก 3 คน ที่ต่อมาถูกเรียกว่า “กลุ่มเพื่อนเอก” คือ “เอก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ต๋อม ชัยธวัช ตุลาธน-ติ่ง ศรายุทธ ใจหลัก”
ผ่านมาราว 20 ปี ทั้ง 3 คนก่อร่างสร้าง “องคาพยพสีส้ม” จนกลายเป็น “ผู้นำทางความคิด” ให้แก่สังคมได้สำเร็จ ปัจจุบันโครงสร้างของ “องคาพยพสีส้ม” ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่
1.พรรคก้าวไกล ที่เปลี่ยนหัวโขนมาเป็น “ขงเบ้งสีส้ม” อย่าง “ชัยธวัช” นำทัพ ปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่ทั้งหมด เอา “อภิชาติ ศิริสุนทร” หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ อดีตปลัด อบต.ตั้งแต่วัยหนุ่ม และเจ้าของซุ้มไก่ชนในขอนแก่น มาเป็น “แม่บ้านพรรค” โดยเขาและ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” รู้จักมักคุ้นกันมาตั้งแต่สมัยเคลื่อนไหว ทำพื้นที่ทางการเมืองในอีสาน
ส่วนหน้าตากรรมการบริหารพรรคที่เหลือส่วนใหญ่เป็น “หน้าเดิม” แค่ปรับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่งกัน แต่ส่วนใหญ่ “คนใกล้ชิด” กับ “กลุ่มเพื่อนเอก” ได้รับการโปรโมตให้มาอยู่แถวหน้า
ที่น่าสนใจบรรดาลูกศิษย์ลูกหา “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีปัญหาคาราคาซังกันอยู่ แม้บางคนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ แต่ข้อเท็จจริงแทบไม่มีบทบาทอะไรในการตัดสินใจแล้ว ขณะที่ “ปิยบุตร” แทบไม่เข้าอาคารอนาคตใหม่ ที่ตั้งของพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้าแล้วด้วย
2.คณะก้าวหน้า มี “ธนาธร” เป็นหัวเรือใหญ่ เคลื่อนไหวคู่กับ “ช่อ พรรณิการ์ วานิช” ที่ไม่ว่า “ธนาธร” จะลงพื้นที่ตรงไหน แทบจะเห็น “ช่อ” ตรงนั้น เหมือนเป็นเงาตามตัว ปัจจุบันคณะก้าวหน้ายังคงขับเคลื่อนงานส่วนท้องถิ่น แต่หน้าที่หลักคือ “ปักธงทางความคิด” แก่ประชาชน ทั้งเด็ก เยาวชน จนถึงคนหนุ่มสาว ซึ่งประสานกันกับเพื่อนรัก 1 ใน 3 ของ “กลุ่มเพื่อนเอก” คือ “ติ่ง ศรายุทธ ใจหลัก” ผอ.พรรคก้าวไกล ที่ทำพื้นที่หาฐานเสียงรุ่นใหม่ ๆ หวังคว้าชัย “แลนด์สไลด์” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
3.กลุ่มปิยบุตร ที่ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า “แยกตัว” ออกจาก “องคาพยพสีส้ม” เรียบร้อยแล้ว เหลือสถานะเพียงแค่ “กองเชียร์” เท่านั้น ด้วยสไตล์นักวิชาการเข้มข้น หนึ่งในตัวตึง “กลุ่มนิติราษฎร์” ทำให้ลีลาการวิพากษ์วิจารณ์พรรคค่อนข้างตรงไปตรงมา คล้ายคลึงกับ “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ชื่อดัง ที่ลี้ภัยไปฝรั่งเศส อดีตกองเชียร์พรรคส้ม ส่งผลให้ “แกนนำพรรคส้ม” บางคน ที่เริ่มชินกับการเป็น “นักการเมือง” รับไม่ได้หลายครั้ง จนเกิดเหตุกินแหนงแคลงใจกันตลอด โดยเฉพาะหลังเลือกตั้ง 2566 เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือกรณี “พิธา-ปิยบุตร” ที่สุดท้าย “ธนาธร” ต้องมาเป็น “กาวใจ” ให้ ทว่าคงไม่อาจเหมือนเดิมอีกต่อไป
กลุ่มลูกศิษย์-คนใกล้ชิด “ปิยบุตร” ใน “ก้าวไกล” ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ เช่น “รังสิมันต์ โรม” ยังอยู่ แต่อาจลดบทบาทลง เนื่องจากภารกิจด้านครอบครัว “เบญจา แสงจันทร์” ยังถูกตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ที่ชัดสุดคือ “ณัฐวุฒิ บัวประทุม” แม้จะถูกตั้งเป็นรองหัวหน้าพรรค อย่างไรก็ดีเริ่มมีปัญหาความขัดแย้งเรื่อง “แบ่งเค้ก” เก้าอี้ประธาน กมธ.ในสภาฯ จนต้องตัดพ้อ สุดท้ายประกาศชัดไม่รับตำแหน่งประธาน กมธ.แล้ว ไม่ว่าคณะใด แม้ “ชัยธวัช” จะบอกว่า “เคลียร์ใจ” กันแล้ว แต่คงยากที่จะแนบแน่นกันได้ดังเดิม
เพราะฉะนั้นการปรับทัพ “ก้าวไกล” โฉมใหม่ คือการกระชับอำนาจในพรรคให้กลับมาอยู่ในมือ “กลุ่มเพื่อนเอก” อีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งตั้งพรรคอนาคตใหม่ หลังจากอำนาจในมือถูกกระจายไปหลายกลุ่มก่อนหน้านี้
เตรียมความพร้อมก่อนรบในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า หวังกวาดเก้าอี้ สส.เข้าสภาฯแบบ “แลนด์สไลด์” ได้จัดตั้งรัฐบาลสมใจหวังเสียที