"อัครเดช" ยืนยัน "ก้าวไกล" ต้องลดสัดส่วนโควตาปธ.กมธ. 1 คณะ
"อัครเดช" ยืนยัน "ก้าวไกล" ต้องลดสัดส่วนโควตาปธ.กมธ. 1 คณะ ตามจำนวน สส.ที่ลดลง พร้อมเสนอวิปรัฐบาลหาทางออก ด้าน "พท." โยนไปคุยกันเอง
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดสรรโควตาประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ว่าหลังจากที่พรรคก้าวไกล ขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก และรองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง ขับออกจากพรรค ทำให้สัดส่วนสส. ที่นำมาคำนวณเป็นประธานกมธ.ต้องลดลง จากเดิมที่ได้ 11 คณะ เหลือ 10 คณะ ตนจะเสนอในที่ประชุมวิปรัฐบาลในการหารือและหาทางออกเรื่องดังกล่าว ซึ่งผลเป็นอย่างไรต้องฟังมติวิปรัฐบาลอีกครั้ง อย่างไรก็ดีในการหารือของที่ประชุมตัวแทนพรรคการเมือง ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่สอง เป็นประธานเพื่อเจรจาจัดสรรโควตาประธานกมธ. ต่อกรณีสัดส่วน สส.ที่นำมาคำนวณโควตาประธานกมธ.นั้น ได้บันทึกไว้ในที่ประชุมด้วยว่า หากการตั้งกมธ. ยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการสัดส่วนดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่ง การตั้งกมธ.ที่ยังไม่มีมติจากสภาฯ ดังนั้นต้องยึดตามรายละเอียดดังกล่าว
“ที่ผ่านมาการจัดสรรโควตาประธานกมธ. พรรคก้าวไกล ขอให้รอผลการเลือกตั้งซ่อน สส.ระยอง ก่อน เมื่อผลเลือกตั้งพบว่าเขาชนะ ได้สส. 1 คน ทำให้ได้โควตาประธานกมธ. เพิ่มอีก 1 คณะ จากที่คำนวณแล้วได้ 10 คณะ ดังนั้นเมื่อตอนนี้ สส.ก้าวไกล ลดลง 1 คน ดังนั้นสัดส่วนต้องลดลง และพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องได้ประธานกมธ. 3 คณะ โดยไม่มีการแบ่งครึ่งวาระดำรงตำแหน่งประธานกมธ.” นายอัครเดช กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นต้องยุติในที่ประชุมสภาฯ หรือ ในห้องประชุมกมธ.ตอนที่โหวตประธาน นายอัครเดช กล่าวว่า ต้องรอผลการพิจารณาที่ประชุมวิปรัฐบาลนี้อีกครั้ง ทั้งนี้ก่อนหน้านี้นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ประสานไปยังนายพิเชษฐ์ และพรรคก้าวไกลไว้ด้วยแล้ว
ขณะที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะผู้เจรจาแบ่งโควตาประธานกมธ.ของพรรคเพื่อไทย กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า กรณีที่พรรคก้าวไกล สส.ลดไป 1 เสียง ต้องลดประธานกมธ. ลง1 คณะ เหมือนอย่างตอนที่เรียกร้องขอเพิ่ม ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคก้าวไกลต้องหารือกันเอง
ทางด้านนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวโดยย้ำว่าปัญหาการตั้งประธานกมธ. ยังมีปัญหา ซึ่งในการประชุมสัปดาห์นี้ที่จะมีวาระตั้งกมธ. และให้ที่ประชุมสภาฯรับรองอาจต้องเจอกับปัญหา เหมือนที่ตนเคยระบุไปแล้วก่อนหน้านั้น ซึ่งเรื่องนี้หากพรรคก้าวไกล เสนอตั้งให้แล้วเสร็จตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วอาจไม่มีปัญหา ส่วนตัวมองว่ากรณีการแก้ปัญหาประธานกมธ.ที่เกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกลนั้นต้องใช้ห้องประชุมกมธ. เพื่อยุติปัญหา เนื่องจากเป็นประเด็นการโหวตเลือกประธานกมธ. และไม่สามารถใช้ห้องประชุมสภาฯ แก้ไขได้ เพราะข้อบังคับไม่ได้กำหนดประเด็นเลือกประธานกมธ.ไว้ มีเพียงเรื่องการจัดสรร สส.ของแต่ละพรรคให้ดำรงตำแหน่งในกมธ.คณะต่างๆ ซึ่งมีกำหนดให้มีกมธ.คณะละไม่เกิน 15 คน.