'จตุพร' จี้รัฐบาล ตอบ 7 ข้อที่นักวิชาการค้านให้ได้ ก่อนลุยแจกเงินดิจิทัล
'จตุพร' แนะ 'จุลพันธ์ุ' ไปเยี่ยม 'บุญทรง-ภูมิ' ก่อนเดินหน้าโครงการ 'แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต' ย้ำ 'เพื่อไทย' ควรตอบ 7 ข้อที่นักวิชการออกมาค้านให้ได้ ถามจะใช้แค่ 6 เดือน ไฉนต้องเป็น 'บล็อกเชน' เชื่อเป็นชนวนแตกหักพรรคร่วมรัฐบาลในอนาคต
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ถึงโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยจะมีการกู้เงิน 5.6 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินการ เมื่อ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่า คนยังไม่เคยติดคุก อาจมีความคึกคักได้ผลักดันโครงการนี้ แต่ก่อนจะตัดสินใจอะไรไป ควรไปเยี่ยม นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ กับนายภูมิ สาระผล ในคุกก่อน แล้วสอบถามโครงการรับจำนำข้าวว่า วันนั้นเขาคิดอย่างไรและทำอะไร อย่างไรก็ตาม ตนได้เจอกันครั้งแรกในเรือนจำ เขาบอกว่า เป็นการตัดสินใจที่ผิดที่สุดในชีวิต
มั่นใจว่าลำพังนายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เอาไม่อยู่แน่ เพราะการแจกเงินดิจิทัลเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง และใหญ่กว่าตัวรัฐมนตรีที่ผลักดันโครงการเสียอีก ส่วนคนคัดค้านไม่อยู่ในวงการเมือง โดยเฉพาะอดีตผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ อดีตรองผู้ว่า รวมทั้งนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยอีกมากมาย ล้วนไม่สนับสนุนโครงการนี้
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคนเหล่านี้ มีฐานะทางสังคมและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแข่งขันทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย แม้ความรักชาติบ้านเมืองได้แสดงออกแตกต่างกัน ซึ่งจริงอยู่เงินหมื่นบาทตามธรรมชาติใครก็อยากได้ แต่อีกครึ่งของความจริงนั้น มุ่งสู่การคัดค้านความหายนะที่จะเกิดขึ้น ต้องการเปิดโปงให้เห็น ใครมีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไรเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้
เชื่อว่า ถ้าประชาชนได้รับรู้แล้ว คนไทยจำนวนมากอาจรับไม่ได้ และจะออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านล้นหลามตามมาด้วย ดังนั้น อย่าคุยแต่กับความอยากได้ในช่วงคนลำบากกัน เพราะโครงการบางเรื่อง ดูเสมือนหนึ่งว่า ทำให้ แต่ถ้าติดคุก ศาลชี้ว่า เป็นการทำเอา ไม่ใช่ทำให้
อย่างไรก็ตาม ก่อนนายจุลพันธุ์ จะไปชี้แจงกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ลองตอบเบื้องต้นก่อนว่า จ่ายค่าทำบล็อกเชนกี่บาท และทำเพื่ออะไร ซึ่งการไปชี้แจงนั้น เท่ากับเป็นการสารภาพก่อนก่อคดี เพราะการพูดทั้งหมดจะถูกบันทึกเป็นหลักฐาน แสดงถึงการเตือน ได้ทักทวง และมีการยืนยันแล้ว ดังนั้น เมื่อยังไม่เป็นคดี ก็เริงร่ากับการคิดเพียงด้านเดียวได้เสมอ
"ไม่มีใครคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนเสียงในเรื่องนี้ แต่หลังจากแจกเงินจะเกิดความ..ิหายมาแทนที่ จะถูกจับติดคุกอีก อีกอย่างถ้าต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจแค่ 6 เดือนตามที่ประกาศไว้ จะไปจ้างทำบล็อกเชนใหม่ทำไม และทำไมไม่แจกเป็นเงินบาท แล้วจบกันไป ถ้าต้องการจะแจกกันจริง" นายจตุพร ระบุ
นายจตุพร กล่าวต่อว่า การแจกเงินตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งจะมีสิทธิเลือกตั้ง เมื่ออายุ 18 ปี จึงเป็นความสงสัยอาจมีประโยชน์การเมืองแฝงซ้อนไว้ นอกจากนี้ ยังไม่แยกแจกคนยากดีมีจน แล้วตัวคนแจกก็ได้รับในสิ่งนั้นด้วย ทั้งหมดนี้ มีความคลางแคลงใจว่าลงทุนไปเพื่ออะไร และคิดอ่านอะไรไว้ อีกอย่างคนที่รู้เรื่องเงินดิจิทัล การเงิน การคลัง ไม่รู้กี่สายตาต่างสงสัยในการแจกเงินครั้งนี้
มั่นใจว่าถ้าเป็นโครงการสุจริต ไม่มีใครขัดขวางประชาชนได้รับแจกเงินหมื่นบาทแน่นอน ขณะที่พรรคเพื่อไทยมีโครงการหลายเรื่องประกาศไว้ สามารถขยับได้ทันที ที่ไม่ได้รับผลกระทบ แต่โครงการดิจิทัลเกิดสงสัยในเรื่องประโยชน์ทับซ้อน โดยมีคนได้ผลประโยชน์และไม่สมเหตุสมผลที่จะทำบล็อกเชนขึ้นมาใหม่ ถ้าต้องการใช้จ่ายแค่ 6 เดือน
"ลองแถลงออกมาว่า ต้องการใช้เงินทำบล็อกเชนเท่าไร รวมทั้งการเข้า-ออกของเหรียญดิจิทัลไป-กลับ อย่างละ 3% ตามข้อสงสัยนั้น มีมูลค่าเท่าไร ขณะเดียวกันที่บอกจะหมุนเป็นวงรอบ ซึ่งถามกันหลายครั้งว่า มันจะหมุนอย่างไร เพราะการซื้อสินค้าเงินจะไหลเข้าไปยังเจ้าสัวผู้ผลิตสินค้าในขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้นเอง" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือ ถ้าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลคิดว่าตัวเองถูกต้องก็ไม่ควรคิดอะไรมาก ลงมือแจกเงินเลย ส่วนทำไม ปปช.จึงให้มือทำงานคนสำคัญมาตรวจสอบ อีกทั้ง ธปท.อยู่ดีๆ จะขวางการแจกเงินทำไมถ้าเป็นโครงการรที่ดี ไม่กระทบกับการเงิน การคลังของชาติ แต่ทุกคนเห็นตรงกันว่า โครงการนี้สร้างผลกระทบกับประเทศ ดังนั้น หน่วยงานต่างๆ จะไม่ปล่อยให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายก่อน เพราะมีบทเรียนมากมายมาแล้ว ถ้ารัฐบาลเริ่มประกาศรายละเอียดขั้นตอนการแจกเงินอย่างชัดเจนก็เข้าเงื่อนไข จะถูกตรวจสอบ ขัดขวางทันที
"ถ้ารัฐบาลประกาศจะทำจริงตามความกล้าที่พูดนั้น ก็ลงมือเลย ประกาศเลย ไปศึกษาทำไม เพราะนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงต้องศึกษามาก่อนหน้าแล้ว และยังบอกที่มาของเงินกับ กกต. ตอนประกาศนโยบายหาเสียง ดังนั้น จึงเกิดสงสัยว่า เพื่อไทยคิดอะไรอยู่ เมื่อต้องการใช้แค่ 6 เดือน ไปสร้างบล็อกเชนทำไม สิ่งนี้ทำให้มองเห็นเส้นทางพร้อมร่องรอยแฝงเร้นได้อย่างดีว่า อะไรจะเกิดขึ้น" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร สงสัยว่า พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ พร้อมจะมาเสี่ยงชีวิตในโครงการดิจิทัลหรือไม่ และจะยอมตายทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากโครงการนี้ต้องเป็นมติ ครม. และถ้าผิด คนโหวตมติให้ต้องโดนความผิดด้วย และอาจทั้ง ครม. ถ้ากล้าเสี่ยงไปกับพรรคเพื่อไทย
นายจตุพร กล่าวว่า ในแวดวงการเมืองเริ่มประเมินกันว่า การแจกเงินดิจิทัลจะเป็นจุดแตกหักของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างสำคัญ เพราะพรรคอื่นจะไม่กล้าเสี่ยง เนื่องจาก ปปช. ตั้งกรรมการศึกษา เพราะได้กลิ่นไม่ดี พร้อมยังจะเตือนรัฐบาลเหมือนเตือนโครงการรับจำนำข้าว เรื่องเหล่านี้จะมีผลทางการเมืองและความผิดอาญาด้วย ถ้าโหวตสนับสนุนการแจกเงินดิจิทัล ดังนั้น จึงไม่มีใครต้องการเข้าคุกเหมือนนายบุญทรง และนายภูมิ สองอดีต รมต.พาณิชย์ ในสมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ
"โครงการนี้ หากเพื่อไทยมั่นใจ ศึกษามาดีและประกาศช่วงหาเสียงเลือกตั้งแล้ว วันนี้คุณต้องบอกมาตรการมา มีขั้นตอนรายละเอียดต่างๆ ในการทำแล้ว แต่วันนี้ได้รู้ว่าถ้าประกาศให้สังคมรับรู้ จะถูกจับได้ แล้วยังจะโดนลากไปเอาผิดอีกไม่รู้กี่เรื่อง" นายจตุพร ระบุ
อย่างไรก็ดี พรรคเพื่อไทยที่มอบให้นักการเมืองมาทำการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็เป็นคนไม่มีประวัติและประสบการณ์บอกถึงความสำเร็จในเรื่องการเงิน การคลัง ดังนั้น ถ้าไม่ฟัง ธปท. ไม่ไตร่ตรวจคำถาม 7 ข้อ ของอดีต ธปท. และยังไม่กล้าตอบคำถามอีกด้วย เอาแต่ออกท่วงทำนองว่า จะมีคนต้องการล้มรัฐบาล ซึ่งแถกไปเรื่อยเปื่อย
นายจตุพร ย้ำว่า ถ้าการแจกเงินดิจิทัลเกิดความเสียหายขึ้น นักการเมืองต่างมาแล้วก็ไป ไม่รับผิดชอบ ดังนั้น จึงเสนอให้วางทรัพย์สินไว้เป็นเดิมพัน ค้ำประกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ หากพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่า เป็นโครงการที่ดี ก็ควรรวบรวมทรัพย์มาวางการันตีกับ ปปช. จะทำให้สิ้นสงสัยได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ ถ้าต้องการให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลอย่างโปร่งใสกระจ่างแจ้งแล้ว รัฐบาลควรเชิญ ผู้ว่า ธปท. และอดีตผู้ว่า ธปท. พร้อมผู้รู้ด้านการเงิน การคลัง มาถกเถียงแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แล้วถ่ายทอดสาธารณะให้ประชาชนรับรู้ ซึ่งเป็นสิ่งดีและควรกระทำ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นควรตอบคำถาม 7 ข้อ ในแถลงการณ์ของอดีต ผู้ว่า ธปท. และนักวิชาการยิ่งจะทำให้เข้าใจกันมากขึ้น
"ไม่มีใครอิจฉาการแจกเงินหมื่นบาทกับประชาชนเลย ความจริงแล้ว หากต้องการให้พรรคเพื่อไทยพังพินาศทางการเมืองก็ควรสนับสนุนให้ทำเลย เพราะยังไงก็พังอยู่แล้ว แต่เราไม่ต้องการให้วิกฤตเกิดซ้ำขึ้นมาทำให้บ้านเมืองเสียหายอีก" นายจตุพร กล่าว