ว้าวุ่น นายกฯ นักขาย ลีลาล่อใจ ลุยไฟแจกตังค์ดิจิทัล
น่าสนใจว่า บริบทหลังจากนี้ที่เศรษฐา และเพื่อไทยต้องเผชิญ จะราบรื่นแค่ไหน ในจังหวะที่กำลังเตรียมเขย่าขวด เปลี่ยนตัวผู้บริหารพรรคใหม่ สัดส่วนรุ่นใหญ่ รุ่นเก๋า บทบาทจะค่อยๆ ลดลง
นับตั้งแต่ประเทศไทย มีนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ชื่อเศรษฐา ทวีสิน ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้นำที่ใช้ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น้อยติดอันดับ อาจจะด้วยความไฟแรง ใหม่ถอดด้าม พลังเลยเหลือล้น ชีพจรลงเท้า เดินสายทั้งใน และต่างประเทศเป็นว่าเล่น ไม่ว่างเว้น
เป้าหมายสำคัญคือ ลงไปรับฟังแก้ปัญหาความเดือดร้อนชาวบ้าน และที่สำคัญคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกมาลงหลักปักฐานในเมืองไทย
โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันอย่าง Tesla ที่เศรษฐา หมายตาอยากให้มาตั้งโรงงานในบ้านเราจนตัวสั่น เลยได้เห็นลีลานักขายของนายกฯ ที่เคยเปรียบตัวเองเป็นเซลส์แมน ยึดพื้นที่ข่าวด้วยการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla โมเดล Y เป็นการชั่วคราว
เพราะรู้ดีว่า รถของนายกฯ เวลาไปไหนมาไหน ล้วนถูกกองทัพสื่อจับจ้อง ยิ่งในวันประชุม ครม. ความตั้งใจของเศรษฐา ที่ต้องการส่งสารให้ค่ายรถ EV เจ้าดังประทับใจก็เกิดขึ้น ก่อนถึงกำหนดนัดพบพูดคุยกับทางผู้บริหาร Tesla ในช่วงพ.ย. นี้
"ก็เอาใจเขาหน่อยว่าที่บ้านมีใช้เหมือนกัน" เศรษฐา ระบุ
การพูดเรียกร้องให้ประชาชนกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลเดินหน้าลุยไฟดิจิทัลวอลเล็ต ลุกขึ้นมาส่งเสียงสู้กับคนคัดค้าน จนถูกมองกำลังใช้วิธีแบ่งแยกแล้วแจกตังหรือไม่ แม้เศรษฐา จะปฏิเสธไม่มีเจตนาแบ่งแยกประชาชน หรือปลุกระดมใดๆ
แต่ตรงนี้ก็เลี่ยงไม่ได้ว่า เศรษฐาอาจกำลังเปิดแผลโดยไม่ตั้งใจให้กับฝ่ายตรงข้ามที่สามารถขยายผล และอาจลุกลามบานปลาย หากมีเงื่อนไขอื่นเข้ามาผสมโรง จนความเป็นตัวของตัวเองของเศรษฐาฉายชัดขึ้นในวันหน้า เพราะวันนี้ อะไรๆ ยังไม่ถาโถมประเดประดังเข้ามาจนเสียสมาธิ ประเด็นขบเหลี่ยมกับร่วมพรรครัฐบาลยังไม่เกิด กลุ่มต้านในสังคมอาจกำลังรอประเด็นบางอย่างให้จุดติด
นอกจากนั้นความพยายามของเศรษฐา ที่จะลดช่องว่างระหว่างตัวเองกับ สส. ในพรรคเพื่อไทยด้วยการพบปะอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ในทุกวันอังคารที่มีประชุม เพื่อคอยรับฟังปัญหาที่ชาวบ้านสะท้อนผ่านมา และจะอยู่ร่วมวงมื้อเย็นกระชับสัมพันธ์ให้แนบแน่น
แต่ก็มีรัฐมนตรีของเพื่อไทยบางคน ที่ สส.ในพรรคหลายคนมองว่าทำตัวห่างเหิน ไม่ลงมาคลุกวงใน รับรู้ปัญหาพี่น้องประชาชน จนเริ่มมีการพูดกันกว้างขวาง ให้รีบสร้างผลงานก่อนถึงคิวปรับ ครม. ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
คนที่หนาวๆ ร้อนๆ ขาเก้าอี้อาจไม่มั่นคง คือ คนที่อยู่ในข่ายได้รับการตอบแทน ให้เป็นรัฐมนตรี เมื่อได้เป็นแล้วก็ถือว่าจบกัน คิวต่อไปรอขึ้นมาอีกเป็นพรวน
ที่สำคัญ สส.ในเพื่อไทยไม่น้อยก็มองว่า บทบาทของเศรษฐา วันนี้ อาจจะรับผิดชอบงานในมือมากเกินไป จนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ คุมงานหลักทุกด้าน ทั้งความมั่นคง ควบขุนคลังเศรษฐกิจ
น่าสนใจว่า บริบทหลังจากนี้ที่เศรษฐา และเพื่อไทยต้องเผชิญ จะราบรื่นแค่ไหน ในจังหวะที่กำลังเตรียมเขย่าขวด เปลี่ยนตัวผู้บริหารพรรคใหม่ สัดส่วนรุ่นใหญ่ รุ่นเก๋า บทบาทจะค่อยๆ ลดลงพร้อมๆ กับเปิดพื้นที่คนรุ่นใหม่ขึ้นมา เพื่อสร้างความหวังให้เห็นโฉมหน้าแล้วต้องร้องว้าวนั่นเอง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์
