สนธิกำลัง รวบผู้ก่อเหตุรุนแรง 2 ราย เตรียมก่อเหตุในพื้นที่บันนังสตา จ.ยะลา
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. ชี้แจงเหตุเข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา เบื้องต้นควบคุมตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ 2 ราย ขณะหลบซ่อนตัวในบ้านพัก คาดเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ดังกล่าว
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 พ.อ.เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงเหตุการณ์เจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมาย เมื่อเวลา 06.30 น. หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมประจำจังหวัดยะลาได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามาหลบซ่อนพักพิงในพื้นที่ บ้านจาเราะปีแซคละ หมู่ที่ 8 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา เพื่อเตรียมการก่อเหตุในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ในขั้นตอนการปฏิบัติ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส เน้นการดำเนินการ อย่างละมุนละม่อม และคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนให้มากที่สุด รวมทั้งใช้ความพยายามในการเจรจาเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายยอมออกมามอบตัวเพื่อต่อสู้ตามหลักกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ได้ขอความร่วมมือผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และเครือญาติ ในการเป็นผู้ช่วยเจรจาเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายที่หลบซ่อนอยู่ภายในบ้านออกมามอบตัว
ภายหลังการปฏิบัติ สามารควบคุมตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ จำนวน 2 ราย ทราบชื่อคือ นายอัตฟาล อายุ 27 ปี เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ มีหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ปรากฏสารพันธุกรรม (DNA) มีส่วนเกี่ยวข้องกับก่อเหตุขว้างระเบิด และใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรยะรัง และเจ้าหน้าที่ อส.ยะรัง ขณะออกตรวจพื้นที่บริเวณหน้าเทศบาลตำบลยะรัง หมู่ที่ 3 ตำบลยะรัง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เมื่อ 28 สิงหาคม 2566
และ นายมะรอมือลี อายุ 47 ปี พฤติกรรมเป็นเจ้าของบ้านซึ่งให้ที่พักพิงแก่ผู้ก่อเหตุรุนแรงดังกล่าว ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวไปยังยังศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามและขยายผลต่อไป
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ข้อมูลผู้ก่อเหตุรุนแรงจนนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายเพื่อเป็นการยับยั้งการก่อเหตุในพื้นที่ นำมาซึ่งผลสัมฤทธิ์ในการในการปฏิบัติดังกล่าว โดยไม่มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด จะเห็นได้ว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า
พร้อมเปิดโอกาสให้บุคคลที่หลงผิดได้ออกมาแสดงตนเพื่อต่อสู้ตามแนวทางของสันติวิธี โดยยึดมั่นในหลักการของสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามกฎหมาย ป.วิอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ