'ก้าวไกล' จี้ 'กลาโหม -ทร.' ตอบปมเรือดำน้ำ จีนผิดสัญญาหรือไม่

'ก้าวไกล' จี้ 'กลาโหม -ทร.' ตอบปมเรือดำน้ำ จีนผิดสัญญาหรือไม่

"ก้าวไกล" จี้ กลาโหม-กองทัพเรือ ตอบปม "เรือดำน้ำ" จีนผิดสัญญาหรือไม่ ชี้ ซื้อเรือฟริเกตแทน หากพบทุจริต จี้ ปปช.สอบ

เมื่อวันที่ 21 ต.ค.66 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกองทัพเรือจะเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกตแทน จากประเทศจีน มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท โดยต้องจ่ายเงินส่วนต่างจากที่เคยจ่ายค่าเรือดำน้ำไปบางส่วนแล้วสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ว่า คงต้องตรวจสอบ ปกติตามหลักสัญญาต้องพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย ยังไม่ทราบว่าสุดท้ายทางฝ่ายจีนจะว่าอย่างไร 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แต่กรณีเรือดำน้ำ ทางฝ่ายจีนผิดสัญญา แล้วทำไมทร.ถึงไปยอม อันนี้คือสิ่งที่คิดว่าสังคมไทยไม่สามารถเข้าใจได้ ทำไมถึงไปยอมเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น จริงๆแล้วในเมื่อผิดสัญญา ฝ่ายจีนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบด้วยซ้ำไป ดังนั้นเรื่องนี้ทางการจีนจะรับผิดชอบอย่างไร กับการที่ผิดสัญญา 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประการที่สอง ต้องพิจารณาต่อว่า เรือฟริเกตสำหรับประเทศไทยมีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องเพิ่มเรือฟริเกต หรือเพราะว่ามีในเรื่องของเงื่อนไขเรือดำน้ำที่อาจได้เครื่องยนต์ไม่ได้มีคุณภาพอย่างที่ต้องการ เลยใช้โอกาสนี้ในการที่จะไปซื้อเรือฟริเกต ถ้าเป็นแบบนั้นคิดว่าเป็นลิงแก้ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริงๆ ถ้าอยากได้เรือฟริเกตจริงๆ อาจมีเรือฟริเกตจากที่อื่น ที่ดีกว่าประเทศจีนหรือไม่ หรือแม้กระทั่งอาจจะใช้โอกาสนี้ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศที่อาจต่อเรือฟริเกตของไทยเองขึ้นมาก็ได้  เมื่อเป็นเช่นนี้ กลายเป็นว่า นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และทร. จะแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยไม่ได้สนใจว่าจะใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างไม่คุ้มค่าขนาดไหน สุดท้ายยังวนเวียนอยู่กับการซื้ออาวุธแบบที่ไม่สามารถตอบคำถามสังคมได้ว่าตกลงแล้วประเทศได้อะไรจากเรื่องนี้

เมื่อถามว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุในหลักการสามารถทำได้ รอเพียงการหารือกับทางการจีนก่อน จะขัดต่อกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง และมีผลต่อการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่มีผลผูกพันในอนาคตหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าเบื้องต้น ถ้าสมมติจะทำต้องตั้งงบฯ เข้าใจว่าคงจะยังไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ คงต้องใช้ในเรื่องของงบประมาณที่กำลังทำกันอยู่มาดำเนินการ แต่ปัญหา คือ ต้องไปเช็คข้อกฎหมายอื่นๆ ด้วย 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า และสุดท้ายไม่ใช่แค่ว่าทำตามสัญญาหรือไม่ แต่ทำแบบนี้ฝ่ายไทยเสียเปรียบ คือตกลงคุณอยากได้อะไร ที่ผ่านมากองทัพเรือบอกว่า เรือดำน้ำมีความจำเป็น วันนี้ไม่เอาเรือดำน้ำแล้ว วันนี้บอกว่าต้องเป็นอย่างอื่น ตกลงคือพูดง่ายๆ คือ ปัญหาคืออะไร มันคือ เรือดำน้ำมีความจำเป็นหรือสุดท้ายต้องมีอาวุธจากประเทศจีนเป็นความจำเป็นจะอะไรก็ได้กันแน่ ดังนั้นต้องเคลียร์ให้ชัดตั้งแต่ตรงนี้ก่อน เมื่อฝ่ายจีนผิดสัญญา ทำสัญญาอะไรทุกอย่างไปหมดแล้ว เขาจะแก้ไขอย่างไร ถ้าไม่แก้ไข เรายกเลิกสัญญา หรือเปลี่ยนแปลงสัญญาเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่ 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สมมติว่าถ้าต้องซื้อเรือดำน้ำจริงๆ ไปซื้อจากที่อื่นได้หรือไม่ หรือสุดท้ายถ้ากลับมาทบทวนแล้ว เรือดำน้ำไม่มีความจำเป็นต่อประเทศเลย ส่วนตัวคิดว่าเรือดำน้ำ ยังไม่ใช่วาระสำคัญที่จะต้องมีในตอนนี้ เพราะประเทศกำลังเผชิญหน้ากับภัยอย่างอื่นมากกว่า อาจจะเอาเงินงบประมาณตรงนี้ไปทำอย่างอื่นดีกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คิดว่าอยากให้ทั้งกองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม มองภาพให้กว้างกว่านี้ 

"นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าใจว่าพอไปอยู่ตรงนั้นมันอาจจะเป็นตัวตนแบบเดิมไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าก็น่าจะทราบ เราเองก็เคยร่วมงานกันมา ก็น่าจะทราบว่าถ้าเรามองภาพให้กว้างวันนี้โจทย์ในเรื่องเรือดำน้ำอาจจะไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ของประเทศของเรา" นายรังสิมันต์ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงขั้นต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ การดำเนินงานของทร.และกระทรวงกลาโหม ที่เปลี่ยนไปซื้อเรือฟริเกตหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงต้องดูพยานหลักฐาน ดูข้อเท็จจริง ดูข้อมูล ถ้ามีการทุจริตเกิดขึ้นก็ไม่ปิดทาง ไม่ปิดทางความเป็นไปได้ที่จะต้องมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่นมาดู แต่ต้องไปดูรายละเอียดก็ต้องพยายามให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เมื่อถามว่าเรื่องการเปลี่ยนไปซื้อเรือฟริเกต จะเป็นหนึ่งในประเด็น ที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายตรวจสอบรัฐบาลด้วยหรือไม่  นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอรอดูข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนดีกว่า