เปิดใจ'เศรษฐา' 2เดือน รับบท'เซลส์แมน' ดึงนักลงทุน ดันไทยสู่จุดยุทธศาสตร์

เปิดใจ'เศรษฐา' 2เดือน รับบท'เซลส์แมน'  ดึงนักลงทุน ดันไทยสู่จุดยุทธศาสตร์

เปิดใจ“เศรษฐา” 2เดือนเก้าอี้นายกฯ รับมิติใหม่สวมบท“เซลส์แมน” เดินสายต่างประเทศ หวังดึงนักลงทุน ชู “โครงการแลนด์บริดจ์” ดันไทยจุดยุทธศาสตร์

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ผ่าน "เนชั่นทันข่าวเช้า" เปิดใจ2เดือนของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีว่า กว่า1เดือนที่ผ่านมาเราเป็นผู้นำใหม่ตามประเพณีเราก็ต้องเดินทางไปพบผู้นำเพื่อนบ้านถ้าเกิดมีจังหวะ เช่นการประชุมใหญ่สหประชาชาติกลางเดือนก.ย.ก็ได้ไปพบปะผู้นำมาหลายคน

แต่สิ่งที่พยายามเพิ่มเข้าไปคือนักธุรกิจ เพื่อพูกคุยในเรื่องการเข้ามาลงทุนในไทย  จากนี้ก็จะเดินทางเยือนกัมพูชาซึ่งเป็นประเทสเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน 

จากนั้นจะเป็นในส่วนของประเทศอาเซียนประเทศอื่นทั้งมาเลเซีย บรูไน รวมถึงฮ่องกงเพื่อพูดคุยกับนักลงทุน ซึ่งมีขั้นตอนชัดเจนว่ากระทรวงการต่างประเทศรวมถึงบีโอไอจะมีขั้นตอนอะไรต่อไป

นายเศรษฐา ยังกล่าวว่า จากการพูดคุยกับนายหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน มีการพูดคุยในเรื่องการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วไปในเขตนี้ ไปถึงยุโรปและแอฟริกา เราจึงจำเป็นต้องไปพูดคุยและเสนอโครงการอะไรใหม่ๆโดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงจากลาวมาถึงไทย

ขณะเดียวกันได้แจ้งความคืบหน้าไทยหลังจากที่ขณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติทำการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งในอดีตจากที่เราเคยเป็นทางผ่าน

แต่หากมีการดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์ เราจะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่จะเป็นตัวดึงนักลงทุนต่างประเทศที่ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทยมากขึ้นซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีแต่ต้องมีการศึกษาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต่างชาติมีความสนใจมากขึ้น 

นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า ขณะที่ผู้นำอาเซียนตรงก็ได้มีการพูดคุยกันในหลายประเด็น โดยเฉพาะกรณีการสู้รบของอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส แต่โดยสรุปที่ไปทั้งหมดเพราะเราเป็นผู้นำใหม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการยกระดับการลงทุนและการจ้างงาน รวมถึงการสร้างการผลิตทำให้ประเทศไทยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างน้อย5-10%ในอีก5ปีข้างหน้า

 เมื่อถามว่าหลังจากนี้นายกฯจะเดินทางไปประเทศไหนต่อไป นานเศรษฐา กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่30 ต.ค.ตนจะเดินทางเยือนประเทศลาว จากนั้นวันที่12พ.ย.จะไปประเทศซานฟรานซิสโกซึ่งเป็นมิติใหม่ ในการที่จะไปเชิญชวนต่างชาติเข้ามาลงทุน

เมื่อถามว่าตอนนี้มีการให้ฉายานายกฯว่าเป็น "เซลส์แมน" ไปแล้วความรู้สึกการเยือนต่าวประเทศตอนนั้นเป็นอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามนิสัยส่วนตัวเป็นคนให้เกียรติคนอยู่แล้วโดยให้ความสัมพันธ์ทุกประเทศเท่ากันเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกต.และบีโอไอจะต้องเตรียมข้อมูลมาเป็นอย่างดี แต่หลักการสำคัญการพูดคุยด้วยความเคารพทั้ง2ฝ่ายจะทำให้การเจรจาเป็นไปได้ง่าย 

ถามย้ำถึงการสู้รบของอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส โดยเฉพาะการพูดคุยในเรื่องการช่วยเหลือตัวประกัน นายเศรษฐา กล่าวว่า กว่าจะถึงจุดนั้นที่ประเทศจีนก็มีการพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจไทยทั้งสมาคมหอการค้า สภาอุตสาหกรรม ได้มีการพูดคุยว่าต่อไปนี้หากมีการเดินทางเยือนต่างประเทศให้มีการพูดคุยกันกับประเทศคู่ค้าด้วย ซึ่งทุกประเทศก็ให้ความเป็นห่วงเพราะเราเป็นประเทศเล็กๆและไม่ใช่ส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง

นายกฯยังกล่าวว่าจากการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีประเทศซาอุดิอารเบียรวมถึงกษัตริย์โอมานก็ได้มีการพูดคุยสถานการณ์โดยเฉพาะคนไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวจำนวนนนี้มีตัวประกัน17 คน ทางซาอุก็เข้าใจพร้อมห่วงใยคนไทยที่มีการสูญเสียระดับต้นๆและยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ

 เมื่อถามว่ามีการใช้คนเน็กชั่นส่วนตัวในการพูดคุยกับนักธุรกิจให้มีกานช่วยเจรจาช่วยเหลือตัวประกัน นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่อนไหวและมีการช่วยเหลือเบื้องหลังหลายส่วน เรามีการเจรจาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้น่าจะมีคนที่แสดงความประสงค์กลับมาแล้วกว่า9พันคน ยืนยันว่าประเทศไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และจะมีความคืบหน้าในวันพรุ่งนี้(23ต.ค.)