‘สมศักดิ์” โต้ ข้อมูลมั่ว ไถ ‘เปรมชัย’ 50 ล้าน แลกพ้นคุก เมียเจ้าสัว ยัน ไม่จริง
“สมศักดิ์” โต้ เกรียนคีย์บอร์ด ที่หนีอยู่ต่างประเทศ โพสต์กล่าวหาเรียกเงิน ”เปรมชัย” 50 ล้าน แลกไม่ติดคุก ลั่น บิดเบือน ไม่มีมูลความจริง ขอบคุณ “คณิตตา กรรณสูต” ออกโรงยืนยัน เรื่องนี้เป็นความเท็จ วอน สังคมอย่าหลงเชื่อ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีผู้ส่งข้อมูลมาให้ตนว่า ในโซเชียลมีเดีย มีผู้โพสต์ข้อความซึ่งอยู่ต่างประเทศกล่าวหาตนทำนองว่าเรียกรับเงินจากผู้ต้องขังคือ นายเปรมชัย กรรณสูต คดีล่าเสือดำ ว่า “ส่วนตอนที่เข้าคุกไปแล้ว นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มาเสนอว่าจะช่วยให้ออกไปได้ แต่ต้องจ่าย 50 ล้าน แต่ตอนนั้นแกไม่ยอม เลยติดจริง”
ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งต้องขอขอบคุณ นางคณิตตา กรรณสูต ภรรยานายเปรมชัย ที่ได้ส่งจดหมายมาถึงตน เพื่อยืนยันว่า เรื่องที่ถูกกล่าวหา ไม่มีมูลความจริง โดยในจดหมายระบุว่า “ตามที่มีการพาดพิง เมื่อตอนคุณเปรมชัย กรรณสูต เข้าคุก มีการเรียกรับเงินจากครอบครัวดิฉัน 50 ล้านบาทนั้น เป็นความเท็จ” ซึ่งตนต้องขอขอบคุณครอบครัวกรรณสูตร ที่ได้ออกมาปกป้อง และได้ยืนยันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดียนั้น ไม่ใช่ความจริง
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตลอดเวลาที่เคยทำงานอยู่กระทรวงยุติธรรม ในส่วนของกรมราชทัณฑ์นั้น ไม่เคยมีการเรียกรับเงิน หรือให้ประโยชน์กับผู้ต้องขังคนใดคนหนึ่ง ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบ และในทางกลับกัน กลุ่มผู้ต้องขัง ตนก็ไม่เคยทอดทิ้ง มีความเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องความเป็นอยู่ รวมถึงการสร้างอาชีพ ที่ได้ผลักดันไว้หลายเรื่อง เช่น เรือนจำท่องเที่ยว โครงการนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ การสร้างอาชีพ การลอกท่อระบายน้ำ การให้ความสำคัญกับการศึกษา ทั้งภาษาจีนภาษาอังกฤษ และวิชาคณิตศาสตร์ เพราะตนกังวลว่า ผู้ต้องขังจะไม่มีรายได้ รวมถึงเมื่อออกมาจากเรือนจำแล้ว จะไม่มีงานทำ จึงให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ไว้ ดังนั้น เรื่องรับผลประโยชน์ ตนไม่มีอย่างแน่นอน
“ผมขอสังคมที่หลงเข้าใจผิด ตามที่ผู้โพสต์บิดเบือน ได้เข้าใจว่า ตลอดการทำงานการเมือง 40 ปี ผมไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งตั้งใจทำงาน เพื่อพี่น้องประชาชนเป็นหลัก จึงขอให้สังคมอย่าหลงเชื่อข้อมูล ที่ไม่มีที่มาที่ไป เป็นเพียงข้อความสั้นๆกล่าวหาแบบไร้หลักฐาน และเหตุผล ทำให้ผมเสียหาย ทั้งที่พี่น้องประชาชน ควรจะได้รับรู้เรื่องที่ดี ที่ผมได้ขับเคลื่อนไว้ แต่กลับต้องมาเสียหายจากการบิดเบือนแบบไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย” รองนายกฯ กล่าว