'ก้าวไกล' จี้ 'ปูอัด' ยอมรับผิด-ขอโทษผู้เสียหาย ถ้าไม่ทำตามโดนขับพ้นพรรค

'ก้าวไกล' จี้ 'ปูอัด' ยอมรับผิด-ขอโทษผู้เสียหาย ถ้าไม่ทำตามโดนขับพ้นพรรค

'ชัยธวัช' ลงนามหนังสือ 'ก้าวไกล' จี้ 'ไชยามพวาน' ปฏิบัติตามมติ กก.บห. หลังโดนตัดสิทธิพึงมี ปมคุกคามทางเพศ แจ้ง 4 เงื่อนไข ต้องแถลงยอมรับผิด ขอโทษผู้เสียหายภายใน 4 พ.ย. หากไม่ทำ จะประชุมกำหนดโทษขับพ้นพรรค

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2566 พรรคก้าวไกล ได้ส่งหนังสือลงนามโดยนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถึงนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล แจ้งให้ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ก้าวไกลในการประชุมเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2566

โดยเนื้อหาในหนังสือ ระบุว่า นายไชยามพวาน ฝ่าฝืนวินัยสมาชิกพรรค ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรค กรณีแสดงออกในทางตรงข้ามกับอุดมการณ์อันเป็นค่านิยมที่สำคัญของพรรคโดยประการที่ทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรง และกระทำการล่วงเกิน คุกคาม หรือก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศต่อบุคคลอื่น อันเป็นความผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล

ต่อมาวันที่ 2 พ.ย. 2566 กก.บห.พรรคก้าวไกล ได้พิจารณากำหนดโทษตามการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ด้วยการตัดสิทธิที่พึงมีในฐานะสมาชิกพรรค และ

กำหนดเงื่อนไขให้ไชยามพวานต้องดำเนินการต่อไปนี้

(1) แถลงยอมรับผิดและขอโทษในทางสาธารณะต่อสังคมกับผู้เสียหายทั้ง 3 รายอย่างจริงใจต่อการกระทำผิดทางวินัยดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 พ.ย. 2566

(2) ชดเชยเยียวยาความเสียหายตามสมควรแก่กรณี ต่อผู้เสียหายทั้ง 3 รายภายในระยะเวลาอันสมควร โดยกำหนดให้ต้องแจ้งหลักฐานการดำเนินการเยียวยาความเสียหายต่อ กก.บห.พรรค และในการแถลงตามข้อ (1) ต้องแถลงมาตรการเยียวยาความเสียหายโดยสังเขปด้วย 

(3) ยุติการก่อความเสียหายต่อผู้เสียหายทั้ง 3 รายโดยทางตรงและทางอ้อมโดยทันที นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งนี้ 

(4) ยุติการกระทำอันเป็นการล่วงเกิน คุกคาม หรือก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศ หรือกระทำการขัดหรือแย้งต่ออุดมการณ์และข้อบังคับพรรค ต่อบุคคลอื่นใด ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกพรรค ตลอดสมัยการเป็น สส.

หนังสือจากพรรคก้าวไกล ระบุด้วยว่า หากนายไชยามพวานไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดภายในเวลาดังกล่าว ถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งหรือมติของ กก.บห.พรรค อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง มีบทลงโทษขั้นสูงสุดคือการให้พ้นจากสมาชิกภาพ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากำหนดโทษโดยที่ประชุมร่วมฯ ต่อไป