'ภูมิธรรม' ลั่น ดิจิทัลวอลเล็ต เป็นสัญญาประชาคม ขอโอกาสเพื่อไทยเดินหน้า
"ภูมิธรรม" ขอโอกาส เดินหน้าโครงการเติมเงิน ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เพราะเป็นนโยบายที่หาเสียง ชี้หากพรรคร่วมรัฐบาลเห็นพ้องในสภา ไม่มีปัญหา
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 66 เวลา 7.50น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการ
ออก พ.ร.บ กู้เงิน ซึ่งต้องยื่นคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาก็อยู่ในที่ประชุม และได้รับทราบเรื่องการจะออกพ.ร.บ.กู้เงิน โดยตอนนี้พยายามเร่งให้เร็วที่สุด และจากที่มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์การจะออกพ.ร.บ.กู้เงินนั้น ตนมองว่ามีทั้งผู้สนับสนุนและไม่สนับสนุน
แต่อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยได้เสนอนโยบาย เติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทตั้งแต่มีการหาเสียงแล้ว ถือเป็นสัญญาประชาคม และเมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลต้องเคารพเสียงประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามา ดังนั้นจึงทำตามเจตนารมณ์ของประชาชน แต่เมื่อมีความเห็นต่างพรรคก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่อยากให้วิจารณ์โดยคำนึงในเรื่อง กระบวนการประชาธิปไตยที่จะเดินหน้าต่อ
ขณะนี้มองว่าวิกฤต ซึ่งเราจะเดินหน้า และมีการรับฟังความเห็นต่างๆ ตลอดมา จึงอยากให้พิจารณาเหตุผล เพราะหากไม่ปรับไปตามความเห็นของประชาชนหรือบุคคลต่างๆ ก็จะเป็นปัญหาซึ่งเคยบอกไปแล้วว่า จะมีการปรับหากเดินอยู่ในเหตุผลที่ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่การแจกเงิน แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม รายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย จะได้มีการพัฒนาไปข้างหน้า
แต่ขณะนี้มีเสียงบอกว่าวิกฤตมากเพียงพอหรือไม่ ซึ่งเราดูขบวนการทางกฎหมายไม่ใช่ว่า เอาอารมณ์และความรู้สึกในการที่จะต้องเร่งทำ ไม่พิจารณาตามความเป็นจริง ที่ว่าวิกฤตแล้วทำไมถึงไม่เร่งทำ และหากดูข้อมูลทางเศรษฐกิจ พบว่าไม่ได้ดีอย่างที่หลายคนพูด และเศรษฐกิจลบกว่าทุกอย่างที่ผ่านมา ซึ่งลดต่ำลงจะขึ้นมาก็เพียงเล็กน้อย ช่วงสุดท้ายของปีนี้ยังลบอยู่
ดังนั้นอยากให้ความเป็นธรรมกับประชาชนและพรรคเพื่อไทย ที่ประชาชนอยากได้เงินในขณะที่สภาวะเศรษฐกิจประชาชนก็มีปัญหา แต่จะทำยังไงให้ถูกต้องแล้วครบตามวัตถุประสงค์ ให้เหมาะกับความเห็นต่างที่รัฐบาลพยายามที่จะแก้ปัญหา แต่ขณะนี้รอ
กระบวนการต่างๆให้เริ่มต้นก่อน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลไม่คิดที่จะกู้เงินดังกล่าวแต่เมื่อถึงขนาดนี้ เมื่อภาวะติดขัดก็ต้องกู้ ดังนั้นตนอยากให้คนที่คัดค้านและพรรคการเมืองที่คัดค้านเคารพระบอบประชาธิปไตย เมื่อพรรคเพื่อไทยหาเสียงมาก็ต้องทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ ก็ต้องให้ได้ดำเนินการ แต่หากเมื่อทำแล้ว ไม่เป็นไปตามที่คิดหรือล้มเหลวค่อยมาว่ากัน แต่ตนเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลเห็นพ้องต้องกัน ในรัฐสภาก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่หากมีข้อแตกต่างบ้างก็จะรับฟังและ ปรับขบวนการทั้งหมดให้ถูกต้องและสบายใจกับทุกฝ่าย และเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลต้องชี้แจงให้สว.และสส.เข้าใจและชี้แจงให้ชัด และเป็นดุลพินิจของสว.และสส. อย่างไรก็ตามพรรคร่วมรัฐบาลก็ได้พูดคุยในเรื่องดังกล่าวมาตลอดและได้รับทราบ ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร