บทพิสูจน์ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’ บนเส้นทาง ‘นักปั้นนายกฯ’

บทพิสูจน์ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’  บนเส้นทาง ‘นักปั้นนายกฯ’

“จะเป็นท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีก็ได้ จะเป็นคุณแพทองธารก็ได้ หรือจะเป็นใครก็ได้ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ผมเป็นอีกฟันเฟืองหนึ่ง เป็นอีกกำลังหนึ่งที่จะช่วยผลักดันแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยในอนาคตให้เป็นนายกรัฐมนตรี”

“สรวงศ์ เทียนทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทยคนใหม่ล่าสุด และ สส.สระแก้ว 4 สมัย พรรคเพื่อไทย ทายาทของ “เสนาะ เทียนทอง” ที่ตามรอยการเมืองบิดาสู่ตำแหน่งสำคัญของพรรคในที่สุด

"สรวงศ์" ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่าน “กรุงเทพธุรกิจ” ที่คอนโดส่วนตัวย่านทองหล่อ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ถึงบทบาทใหม่ที่เขาได้รับจากที่ประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2566

พรรคเพื่อไทยมี “แพทองธาร ชินวัตร” วัย 37 ปี เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ และมี “บอย” สรวงศ์ เทียนทอง วัย 48 ปี เป็นแม่บ้านพรรค

ตระกูล “เทียนทอง” กลับมามีชื่อติดตำแหน่งสำคัญทางการเมืองของพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เสนาะ เทียนทอง” ผู้อาวุโสทางการเมือง แม้ปัจจุบันจะมีอายุ 89 ปีแล้ว แต่พรรษาทางการเมือง ยังเป็นผู้ใหญ่ที่คนของพรรคเพื่อไทย ให้ความเคารพและปรึกษาหารืออยู่เสมอ

ขณะที่ตระกูล “ชินวัตร” เคยมีนายกรัฐมนตรี 2 คนคือ “ทักษิณ ชินวัตร” และ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า นายกฯ คนที่ 23 เป็นคนตระกูลชินวัตรคนแรกได้ก็ด้วยฝีมือและบารมีทางการเมืองของ “ป๋าเหนาะ” เมื่อครั้งเข้ามาร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และนำพรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2544

บทพิสูจน์ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’  บนเส้นทาง ‘นักปั้นนายกฯ’ บารมีการเมือง “ป๋าเหนาะ” เคยผ่านการเป็นเลขาธิการพรรคการเมืองมาทั้ง “พรรคชาติไทย” และ “พรรคความหวังใหม่” เคยปั้นนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 “บรรหาร ศิลปอาชา”

ปั้นนายกรัฐมนตรีคนที่ 22 “พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ”

และปั้นนายกฯ คนที่23 จากพรรคไทยรักไทย คือ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี 2544

มาถึง พ.ศ.นี้ สรวงศ์ ขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรค คู่กับ แพทองธาร หัวหน้าพรรคคนใหม่ ไม่ต่างกับยุคบิดาของทั้งคู่

“สรวงศ์” ยึดคติการทำงานการเมืองจากบิดาว่าต้อง “ตรงไปตรงมา” เหมือนหลักคำสอนของบิดา เจ้าของฉายา เจ้าพ่อวังน้ำเย็น ที่ให้ไว้

“บอย” ผู้ชื่นชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีมเป็นชีวิตจิตใจอยู่ในสายเลือด ที่สำคัญเขาเป็นคนรักสุขภาพ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์

บทพิสูจน์ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’  บนเส้นทาง ‘นักปั้นนายกฯ’

สไตล์ลงพื้นที่หาเสียงง่ายๆ คือ ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชน ถ้าวันไหนไปเล่นกีฬา เขาบอกว่า “ข้าวไข่ดาว 2 ฟองกับน้ำปลาพริก” ก็เพียงพอแล้ว

“พี่น้องครับ เอาสรวงศ์ เทียนทอง คนนี้ครับ น้องบอย หลานบอย ลูกบอย พี่บอยคนนี้กลับไปเป็นผู้แทนท่าน กลับไปเป็นตัวแทนของท่าน” คือเสียงประกาศบนรถหาเสียงเมื่อช่วงก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 เป็นคำวิงวอนถึงประชาชน จ.สระแก้ว ให้เลือกเขากลับไปเป็นผู้แทนราษฎร

“ถ้ามีเจ้าของพรรคจริงๆ เจ้าของพรรคสั่งอะไรมามันได้หมด แต่ไม่ใช่ เพื่อไทยถกกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ ในพรรคนี่แทบแตก”

ศึกเลือกตั้ง จ.สระแก้ว เขต 3 ครั้งล่าสุด เป็น “สรวงศ์” กลับมาเอาชนะคู่แข่ง อย่าง “สุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์” พรรคพลังประชารัฐ โดยได้รับเลือกตั้งจากประชาชนไปแบบแลนด์สไลด์ 54,116 คะแนน แม้ 4 ปีที่แล้ว “บอย สรวงศ์” จะเคยพ่ายแพ้ให้ “สุรศักดิ์” เมื่อปี 2562

บทพิสูจน์ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’  บนเส้นทาง ‘นักปั้นนายกฯ’

บทพิสูจน์ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’  บนเส้นทาง ‘นักปั้นนายกฯ’ “สรวงศ์” บอกสูตรหาเสียงกับประชาชนว่า “เวลาลงสนามหาเสียง ผมไม่เคยมีพรรคไหนเลยที่เลือกเราแล้วเดี๋ยวเราจะไปร่วมอันนี้ ไม่มี เลือกเราให้เต็มที่ เลือกเราให้ที่สุด”

 

4 ปีที่ผ่านมา แม้ สรวงศ์ จะเคยสอบตก (สต.) แต่เขาก็ไม่ว่างเว้นการลงพื้นที่ จนสามารถพิชิตใจคน สระแก้วให้กลับมาเป็นผู้แทนสมัยที่ 4

เป็น สส.ครั้งแรกเพียง 1 ปี ก็ถูกให้ออกโดยรัฐประหารเมื่อปี 2549 เป็น รมช.สาธารณสุข ในช่วงเวลาท้ายๆ ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ถูกให้ออกจากตำแหน่งด้วยรัฐประหารเมื่อปี 2557

บทพิสูจน์ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’  บนเส้นทาง ‘นักปั้นนายกฯ’ “ผมก็โดนมาทุกม็อบนะครับ ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง นกหวีดโดนมาหมด ดังนั้นประสบการณ์ทางการเมืองถึงแม้จะเป็น สส.มา 4 สมัย ผ่านอะไรมาพอสมควร แล้วก็อะไรต่างๆที่ทำให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ก็จะทำ มีโอกาสได้รับโปรดเกล้าฯ เป็น รมช.สาธารณสุข อยู่ระยะหนึ่ง ก็ช่วยงานสาธารณสุขได้พอสมควร”

"การอยู่กับคุณพ่อ ซึ่งประสบความสำเร็จทางการเมืองเราจะเห็นหลายรูปแบบ เห็นขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาล เห็นขั้นตอนพูดคุย แล้วก็ได้เห็นขั้นตอนในการที่จะรวบรวมสมาชิกต่างๆ เราเห็นมาเกือบหมด"

27 ต.ค. 2566 มติที่ประชุมใหญ่ “เพื่อไทย” เทให้ “สรวงศ์” นั่งเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แบบนอนมา ตามที่เป็นข่าวออกสื่อก่อนหน้านั้น ทำให้เขาได้อยู่เคียงข้างหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และทำหน้าที่เป็นมือประสานให้กับ สส.ในพรรคเพื่อไทย ทั้งงานในและนอกสภาฯ

“สรวงศ์” ระบุว่า "เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว คนนั่งหัวโต๊ะเป็นหัวหน้าพรรคคือท่านนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร แล้วคนนั่งข้างๆ คือคนชื่อเสนาะ เทียนทอง ผ่านไป 20 กว่าปี หัวหน้าพรรค ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร คนที่นั่งข้างๆ ก็เป็นสรวงศ์ เทียนทอง"

บทพิสูจน์ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’  บนเส้นทาง ‘นักปั้นนายกฯ’

ภาพจำของ “สรวงศ์” เมื่อครั้งที่ “เสนาะ” เป็นมือปั้นนายกรัฐมนตรีนั้น เขาบอกว่า “การอยู่กับคุณพ่อ ซึ่งประสบความสำเร็จทางการเมืองเราจะเห็นหลายรูปแบบ เห็นขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาล เห็นขั้นตอนพูดคุย แล้วก็ได้เห็นขั้นตอนในการที่จะรวบรวมสมาชิกต่างๆ เราเห็นมาเกือบหมด อันนี้เป็นหนึ่งในข้อจุดแข็งของผมที่เราได้เห็นพอสมควร แล้วจะเอามาประยุกต์ใช้กับยุคสมัยนี้”

ส่วนการปรับใช้การประสานงานทางการเมืองจะต้องปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย ซึ่งสมัยปัจจุบันจะไม่เหมือนสมัยที่บิดาของเขาเป็นคีย์แมนหลักในการจัดตั้งรัฐบาล

บทพิสูจน์ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’  บนเส้นทาง ‘นักปั้นนายกฯ’ “การเลือกตั้งเสร็จ พรรคที่ได้อันดับ 1 เขาต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อจะรวบรวมสมาชิกให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นพรรคชาติพัฒนากล้าของ ท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ได้ สส.2 คน พอไปเชิญมาร่วมรัฐบาล แค่ข้ามคืนเท่านั้น โซเชียลฯ บอกว่ามี กรณ์ไม่มีกู จบ แล้วนี่คือการทำทุกอย่างแล้วหรือยัง เพื่อจะให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล”

“สรวงศ์” ถามว่า “นโยบาย 300 กว่าข้อที่คุณพูดมาทำไมไม่พูดถึง ทำไมกอดแต่มาตรา 112 เอาไว้ บอกว่าถ้าไม่ทำมาตรา 112 จะถือว่าผิดคำพูด แล้วไอ้ 300 กว่าข้อที่คุณสัญญากับพี่น้องประชาชนไว้ คุณไม่พูดถึง”

“เราทำทุกอย่างแล้วเพื่อที่จะให้คุณ (พรรคก้าวไกล) เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ถามกลับไปว่าคุณทำทุกอย่างแล้วหรือยังที่จะมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล”

“ผมถึงบอกว่าไม่อยากไปวิพากษ์วิจารณ์พรรคอื่นนะครับ แต่สำหรับผมแล้ว มันไม่เป็นธรรมสำหรับพรรคเพื่อไทยของผมเลย”

บทพิสูจน์ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’  บนเส้นทาง ‘นักปั้นนายกฯ’ เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ตระกูลเทียนทองกับตระกูลชินวัตร “สรวงศ์” บอกว่า “นามสกุลก็เป็นอย่างหนึ่ง เป็นต้นทุนของพวกเรา เราเกิดมาในครอบครัวที่มีหัวหน้าครอบครัวประสบความสำเร็จทางการเมือง แต่สิ่งที่พวกผมต้องการ คือ พิสูจน์ความสามารถของตัวเองในการทำงานให้กับบ้านนี้เมืองนี้ เพราะฉะนั้น ก็ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกัน”

“อย่าเรียกพวกผมว่าบ้านใหญ่เลย มันเป็นอะไรที่เราทำกันมาตั้งแต่รุ่นปู่แล้ว คุณปู่เป็นกำนัน คุณพ่อเป็น สส. แล้วผ่านไปประมาณ 40กว่าปีมาเป็นผม มันก็ถือว่าเป็นอะไรที่สะสมกันมา ถ้าคนรุ่นผม มาสานต่อไม่ดี พี่น้องประชาชนก็ไม่เลือก”

ถามถึงไอดอลต้นแบบเลขาธิการพรรคในดวงใจของ “สรวงศ์”บอกทันทีว่า “ไอดอลอันดับหนึ่งคือคุณพ่อนะครับ ท่านรับตำแหน่งนี้มาหลายครั้ง”

“ท่านวางมือทางการเมือง ท่านบอกว่าละวางตัวเอง แต่ไม่ละวางความรับผิดชอบ”

ภารกิจผลักดันนายกรัฐมนตรีคนต่อไปให้เป็นของ “พรรคเพื่อไทย” และคน “ตระกูลชินวัตร”อย่าง “แพทองธาร” จะได้เป็นนายกฯคนต่อไปหรือไม่นั้น

“สรวงศ์” บอกว่า “จะเป็นท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีก็ได้ จะเป็นคุณแพทองธารก็ได้ หรือจะเป็นใครก็ได้ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ผมเป็นอีกฟันเฟืองหนึ่ง เป็นอีกกำลังหนึ่งที่จะช่วยผลักดันแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยในอนาคตให้เป็นนายกรัฐมนตรี”

“แน่นอนกว่าพรรคจะสรรหา 3 ท่านที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเยอะนะครับ ต้องมีการพูดคุยกันพอสมควร”

“ถ้ามีเจ้าของพรรคจริงๆ เจ้าของพรรคสั่งอะไรมามันได้หมด แต่ไม่ใช่ เพื่อไทยถกกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ ในพรรคนี่แทบแตกครับ”

บทพิสูจน์ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’  บนเส้นทาง ‘นักปั้นนายกฯ’

ภารกิจเลขาธิการพรรคต้องทำงานใกล้ชิดกับหัวหน้าพรรค ซึ่ง “สรวงศ์” บอกถึงการทำงานของ “แพทองธาร” ว่าเป็นคนทำงานเร็ว และเฉียบ เพราะมีการทำงานแบบวางแผนไว้ ทำให้การทำงานภายในพรรคไม่ค่อยติดขัด

“ผมมั่นใจว่า ท่านหัวหน้าพรรรคก็ผ่านประสบการณ์มาไม่เหมือนผม ผมก็ผ่านประสบการณ์มาไม่เหมือนท่านหัวหน้า แต่ละคนที่เป็นกรรมการบริหารพรรค หรือเป็น สส.หรือเป็นสมาชิกพรรคต่างคนต่างมีประสบการณ์ไม่เหมือนกันแน่นอน”

“สรวงศ์” ย้ำการพูดคุยภายในพรรคถ้าหาข้อยุติไม่ได้และจบลงด้วยมติพรรค ทุกคนต้องปฏิบัติตามมตินั้น

“เวลาทำงานคุยกันชัดเจนตั้งแต่แรกว่า กรรมการบริหารพรรคทุกคนต้องพูดความจริง ไม่มีนะประเภทได้ครับผม เหมาะสมเจ้านาย”

บทพิสูจน์ ‘สรวงศ์ เทียนทอง’  บนเส้นทาง ‘นักปั้นนายกฯ’

สำหรับการทำงานเชิงรุกของ “เพื่อไทย” นับจากนี้ภายใต้บทบาทเลขาธิการ “สรวงศ์” คือการทำตามหลักการที่หัวหน้าพรรคให้ไว้ ใน 4 บาทบาทใหญ่ คือ

 1.ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน นำข้อมูลต่างๆ เพื่อให้พี่น้องประชาชนและสมาชิกพรรคเข้าถึง

2. การทำงานแนวราบ องค์กรแนวราบ ให้ สส. สมาชิกพรรคได้ทำงานร่วมกับพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด

3.การทำองค์กรแห่งการเรียนรู้ รวบรวมข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคตของพรรคเพื่อไทยเอาไว้

และ 4.การที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้ครอบครัวพรรคเพื่อไทยในการสร้างอาชีพ ในการสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่เป็นครอบครัวเพื่อไทยให้แข็งแกร่งมากขึ้น

“พี่น้องประชาชนที่เป็นโหวตเตอร์ในปัจจุบันมากกว่าครึ่งหนึ่งไม่ได้อยู่ในพื้นที่ มีที่ไปทำงานต่างจังหวัดไม่มีโอกาสได้ทราบว่า สส.และผู้สมัครในพื้นที่ได้ทำอะไรบ้าง สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ โซเชียลฯ มีอิทธิพลสูงมาก เราต้องตื่นตัวเรื่องโซเชียลฯ ให้มากขึ้น”

“ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อดึงความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนกลับมาสู่พรรคเพื่อไทย ให้เป็นพรรคอันดับหนึ่งให้ได้” สรวงศ์ ย้ำพร้อมให้คำมั่นว่า เขาจะทำทุกอย่างเพื่อเรียกความเชื่อมั่นและศรัทธาจากประชาชนกลับคืนมา