ศึก2ขั้วปชป.! ลุ้นโหวต'หัวหน้าพรรค' รอบ3 'นราพัฒน์-อภิสิทธิ์-คนกลาง'

ความเคลื่อนไหวพรรคประชาธิปัตย์ หลังการลาออกของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ได้ส่งข้อความเข้าไลน์กลุ่มพรรคลาออกจากรักษาการหัวหน้าพรรค หลังปรากฎชื่อ นายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค เป็นผู้รักษาการหัวหน้าพรรค ในกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองแม้ในเวลาต่อมาได้เอาชื่อออกไปก็ตาม

นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากนายนราพัฒน์ถือเป็น1ในบุคคลที่ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่

ขณะที่ความเคลื่อนไหวล่าสุด นายนราพัฒน์ ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ถึงการลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ประชาธิปัตย์คนใหม่ว่า ขอคุยกันภายในก่อน ซึ่งตนยังมีความตั้งใจเหมือนเดิมที่จะเข้ามาช่วยปรับปรุงพรรค แต่ขอประชุมเพื่อคุยรายละเอียดในวันนี้ก่อน

เมื่อถามว่า หลังจากการประชุมล่มในครั้งที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกับคนที่สนับสนุนอีกครั้งหรือไม่ นายนราพัฒน์ กล่าวว่า ยังคุยกันเหมือนเดิม เสียงส่วนใหญ่ยังสนับสนุนให้ตนลงชิงหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม พร้อมย้ำว่า ขอคุยในรายละเอียดก่อน และคุยกับสมาชิกก่อนว่ายังจะสนับสนุนตนหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อแคนดิเดตผู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุดยังคงต้องจับตาไปที่ นายนราพัฒน์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสส.กลุ่มนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ราว22เสียง

ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งก็ยังคงสนับสนุนให้การสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค โดยกลุ่มนี้มีแกนนำคนสำคัญอาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงสมาชิกในสายที่เคยสนิทสนมกับนายอภิสิทธิ์ ให้การสนับสนุน

ทว่าต้องจับตาการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 3 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและ กก.บห.พรรคชุดใหม่ หลังเกิดปัญหาองค์ประชุมล่มมาถึง2ครั้ง จากปัญหาความไม่ลงรอยของ2ขั้วในพรรคประชาธิปัตย์

ทำให้ที่ผ่านมา มีความพยายามในการหาตัวกลางเพื่อพูดคุยเพื่อหาจุดร่วมระหว่าง2ขั้ว โดยเฉพาะตำแหน่งหัวหน้าพรรคที่อาจเป็นบุคคลรุ่นใหม่ภาพลักษณ์ดีและสามารถเชื่อมความสัมพันธ์ได้ทั้ง2กลุ่ม

โดยแกนนำพรรคยอมรับว่า การประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 3 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะเป็นช่วงเดือนธ.ค.นี้ จะต้องมีการเคลียร์ปัญหาในพรรคให้จบให้ได้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาองค์ประชุมล่มเป็นรอบที่3

โดยเฉพาะประเด็นการใช้สัดส่วนการโหวตของสส.กับสมาชิกพรรค ที่ 70:30  ซึ่งเป็นปัญหาในการประชุม2ครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความสุ่มเสี่ยงเนื่องจาก ตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง ระบุให้มีการจัดประชุมใหญ่ภายใน1ปี ซึ่งจะไปครบกำหนดในช่วงเดือนเม.ย.2567 ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้พรรคต้องสิ้นสภาพลงได้

ฉะนั้นจึงต้องจับตาว่าที่สุดพรรคประชาธิปัตย์จะหาข้อสรุปประเด็นนี้อย่างไร