'วรภพ' ถามนายกฯ แก้ปัญหาค่าไฟ เอื้อทุนพลังงานหรือไม่ หลังไม่รื้อราคาก๊าซ
จ่อหมดโปรสี่เดือน! 'วรภพ' ถาม 'เศรษฐา' แก้ปัญหาค่าไฟเอื้อกลุ่มทุนพลังงานหรือไม่ หลังไม่เห็นความพยายามเจรจาสัญญา-รื้อโครงสร้างราคาก๊าซ ชี้ ม.ค. ปีหน้ารัฐต้องจ่ายหนี้ กฟผ. ทำค่าไฟพุ่งอย่างน้อย 69 สตางค์/หน่วย ประชาชนเดือดร้อน จ่ายไฟแพงช่วงหน้าร้อน
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2566 ที่พรรคก้าวไกล นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น 3 แนวทางการปรับขึ้นค่าไฟ งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 ผ่านเว็บไซต์ กกพ. ตั้งแต่วันที่ 10 – 24 พ.ย. 2566 ว่า เมื่อ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เพิ่งแถลงผลงาน 60 วันของรัฐบาล บอกว่าทันทีที่เป็นรัฐบาล ลดค่าไฟได้ 46 สตางค์ต่อหน่วย แต่ตามทางเลือกที่ กกพ. เสนอ ไม่ว่าทางเลือกใด ราคาค่าไฟก็เพิ่มขึ้น โดยทางเลือกที่ค่าไฟขึ้นน้อยที่สุด คือขึ้น 69 สตางค์ต่อหน่วย นั่นเท่ากับในปีหน้า ค่าไฟจะขึ้นมากกว่าที่รัฐบาลเคยประกาศลดเสียอีก
“ตอนมีมติคณะรัฐมนตรีนัดแรกที่ลดค่าไฟ รัฐบาลให้เหตุผลเรื่องการยืดการจ่ายหนี้คืนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำให้ค่าไฟลดลง แต่เมื่อหมดโปร เลยต้องกลับมาจ่ายหนี้ จึงต้องตั้งคำถามว่า การลดค่าไฟช่วงสั้นๆ เป็นแค่โปรโมชั่น 4 เดือน ตอนนี้หมดโปรแล้วใช่หรือไม่” นายวรภพ กล่าว
นายวรภพ กล่าวอีกว่า ค่าไฟที่แพงและกำลังเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนพลังงาน รัฐบาลควรแก้ปัญหาเรื่องนี้ที่ต้นตอ เพื่อทำให้ค่าไฟลดได้ในระยะยาว ซึ่งจนถึงตอนนี้ ยังไม่เห็นความพยายามของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น การแก้ไขโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ ที่ควรนำก๊าซจากอ่าวไทยที่มีราคาถูก ซึ่งเดิมกลุ่มปิโตรเคมีเอาไปใช้ นำมาให้ประชาชนใช้ก่อน หรือกรณีโรงไฟฟ้าเกิน 50% ที่ไม่ได้เดินเครื่อง แต่กลับได้เงินค่าความพร้อมจ่ายที่มาจากประชาชน รัฐบาลก็ไม่มีแม้แต่การริเริ่มแก้ไขสัญญา
"นอกจากการสานต่อปัญหาเดิมเรื่องค่าไฟ รัฐบาลชุดนี้ยังเพิ่มปัญหาใหม่ ด้วยการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่ม โดยอ้างว่าเป็นพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาด ทั้งที่มีคำพิพากษาของศาลปกครองออกมาว่าให้ทุเลาคำสั่งชั่วคราว เนื่องจากส่อว่าเป็นการประมูลที่ไม่ยุติธรรม ไม่โปร่งใส และอาจเสียหายต่อประเทศชาติ แต่รัฐบาลเศรษฐาดูไม่มีทีท่าจะล้มเลิกหรือยุติการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนเหล่านี้" นายวรภพ กล่าว
นายวรภพ กล่าวด้วยว่า จึงต้องฝากพี่น้องประชาชนช่วยกันติดตาม เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับค่าไฟของทุกคน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่ารัฐบาลมีโปร 4 เดือน แต่ต้นปีหน้า ช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนที่เข้าสู่ฤดูร้อน ประชาชนกลับต้องจ่ายค่าไฟแพงทั้งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และขอถามไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะนายกฯ เศรษฐา สรุปแล้วท่านจะมาสานต่อปัญหาเดิม เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานต่อไปอย่างนั้นหรือ