'รังสิมันต์' เชื่อ 'นายกฯ' แฉตัวเอง - มีสส. เอี่ยว โยกย้าย ผกก.จ่อเอาผิด
"รังสิมันต์" ชี้ "นายกฯ" ต้องรับผิดชอบคำพูด ปม สส.ขอฝากผู้กำกับ เชื่อนายกฯ รู้เห็น-สส.เกี่ยวข้อง จ่อเอาผิด 3ปม ทั้งจริยธรรม-กฎหมายตำรวจ-รธน.ม.185
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ระบุถึงประเด็นที่มีนักการเมืองฝากให้แต่งตั้งนายตำรวจระดับผู้กำกับ ในที่ประชุมของสส.พรรคเพื่อไทย เมื่อ 21 พ.ย. โดยเรียกร้องให้นายกฯ รับผิดชอบคำพูดของตนเอง เพราะตนฟังคำพูดของนายกฯ พบความชัดเจนว่านายกฯ เกี่ยวข้องกับการแทรกแซง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ซึ่งตนกังวลว่า ในประเด็นดังกล่าวอาจจะขยายผลไปถึงการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการในระดับอื่นๆ ด้วย
“จากการฟังคำพูดของนายกฯ ฟังเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ดังนั้นคำสัญญาที่นายตำรวจพูดกับผมตอนที่ไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งยืนยันว่าว่าไม่มีตั๋ว แต่สิ่งที่นายกฯ พูดนั้นชัดเจน ไม่ต้องบิดเป็นคำพูดอื่น เพราะชัดเจนว่านายเศรษฐา เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายจริง บางคนอาจถามว่า มีหลักฐานเพื่อเอาผิดนายกฯ ผมขอบอกว่าการฝากแต่งตั้งนายตำรวจไม่สามารถหาเอกสารทางราชการได้ เพราะใช้การสนทนาทางโทรศัพท์ต่อสายเพื่อฝากได้ ดังนั้น คำพูดของนายกฯที่ผมเชื่อว่าเป็นการแฉตัวเอง หรือการหลุด ชัดเจนว่าจะฟังได้ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นในขณะนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่ามองหรือไม่ว่าการพูดของนายกฯไม่ได้มีเจตนา แต่พูดดักทางไว้ก่อน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่มองเช่นนั้น เพราะท่าทีของนายกฯ ไม่ต้องการห้ามปราบ และจากที่ตนฟังคำพูดของนายกฯ หลายรอบ ว่า มีการขอมาเยอะ ชัดเจนอย่างยิ่ง ว่าคือการขอมาโดยสส.เพื่อไทย เพราะพูดต่อที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าต้องมีตั๋วเพื่อไทยหรือไม่ เพื่อได้เป็นตำรวจในระดับที่สูงขึ้น ได้ตำแหน่งการงานที่ดีขึ้น
“ผมฟังคำชี้แจงของนายกฯ ที่อธิบายในวันที่ 22 พ.ย. แล้ว แต่ไม่ได้ตอบตรงประเด็น และผมฟังแล้วเหมือนกับเป็นนายกฯ คนละคน เพราะหักล้างในสิ่งที่พูดไว้เมื่อ 21 พ.ย. ทั้งนี้ความจริงของนายกฯ ชัดเจนว่ามีเรื่องตั๋วจริงและนายกฯเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อีกทั้งผมมองว่าสิ่งที่นายกฯ พูดนั้นทำลายศรัทธาของระบบราชการ และไม่คิดว่าจะเป็นการพูดที่ปกติหรือเป็นธรรมชาติ” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการตรวจสอบเพื่อยื่นเอาผิดทางกฎหมายใดหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบในเชิงข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงประกอบด้วย เบื้องต้นพบว่าคำพูดของนายกฯ นั้นเข้าข่ายผิดจริยธรรม, พระราชบัญญัต (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ และ รัฐธรรมนูญ มาตรา 185 ซึ่งขณะนี้พยายามรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยมีผู้เชี่ยวชาญทุกส่วนช่วยตรวจสอบและพยายามให้ นาตาชาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำข้อมูลความจริงเพื่อนำไปสู่การตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้ตนมองว่าเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ คนเดียว เพราะนายกฯพูดเองว่าขอเยอะ ดังนั้นตามกระบวนการเชื่อว่ามี สส.เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดีกรณีดังกล่าวยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะนำไปสู่ประเด็นที่จะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่กรรมาธิการการตำรวจ ของสภาฯ จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวจะร่วมเข้าไปตรวจสอบด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องหารือในที่ประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศอีกครั้งในวันที่ 23 พ.ย. เพราะการตรวจสอบใดๆต้องเป็นเรื่องที่กมธ.ต้องพิจารณาร่วมกัน.