'ตั๋วชั้น14' ในมือ 'ธนาธร' อุดมการณ์บนเส้นขนาน
ฉากทัศน์การเมืองปี 2567 ‘ธนาธร’ ขยับหมากสีส้ม ‘ทักษิณ’ พ้นโทษ ผู้ชายสองคนนี้ เป็นมิตรหรือศัตรูคู่แข่ง
พลิกปูมหลัง ทักษิณ-ธนาธร แตกต่างกัน ทั้งอุดมการณ์-แนวทางการเมือง และเพื่อนธนาธรเป็นคนกลุ่มแรกที่วิพากษ์ ‘ระบอบทักษิณ’
สัปดาห์ที่แล้ว ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้แสดงบทบาทผู้นำหลังม่านผ่านสื่อบางสำนัก หลังโผล่มาเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องเงิน 5 แสนล้านกับการพัฒนาประเทศ
ธนาธร เลือกจะไปพูดผ่านรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ว่าได้ไปพบทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง ตามที่มีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้
“เป็นปกติที่เราพบปะพูดคุยกับนักการเมืองทั่วไป คุยเรื่องชีวิต เช่น ชีวิตมีหลานแล้วเป็นอย่างไรบ้าง แต่ไม่ได้ไปต่อรองเรื่องจัดตั้งรัฐบาล เพราะผมเองไม่มีตำแหน่งในการเมือง และก็อาจจะโดนยุบพรรคถ้าไปต่อรอง”
การพบปะของทักษิณกับธนาธร เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2566 ที่โรงแรมแห่งหนึ่งทางฝั่งเกาลูน ตอนนั้น ธนาธรปิดปากเงียบ ไม่ยอมแถลงว่าไปเจอทักษิณเรื่องอะไร
การออกมาปูดเรื่องดีลลับฮ่องกง ทำให้มีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในหลายฉากทัศน์ คนบางกลุ่มถึงกับทึกทักเอาว่า นี่เป็นดีลใหม่เรียกว่า ‘ดีลชั้น 14’ โดยหลังเดือน พ.ค.2567 เมื่อ สว.ชุดปัจจุบันหมดวาระลง และอาจมีการฟอร์มจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยเพื่อไทยกับก้าวไกล พันธมิตรฝ่ายประชาธิปไตย
หลายคนไม่เชื่อทฤษฎีนี้ เหมือนที่นักรัฐศาสตร์จุฬาฯ คนหนึ่งบอกว่า ดีลก้าวไกล-เพื่อไทย หลังเลือกตั้ง 14 พ.ค. เป็นดีลปลอมๆ ดีลด้อมส้มผสมแดงไร้เดียงสา
ดีลเก่าเล่าใหม่
ข่าวลือดีลทักษิณ-ธนาธร ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น ช่วงก่อนเลือกตั้ง 22 มี.ค.2562 สถานีโทรทัศน์บางแห่งนำเอาคลิปเสียงสนทนาของธนาธร กับทักษิณมาเผยแพร่ อ้างว่า มันเป็นหลักฐานการต่อรอง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน
โฆษกพรรคอนาคตใหม่ขณะนั้น ได้ชี้แจงว่า “ของปลอมแน่นอน ขอย้ำว่า นายธนาธรไม่ได้พูดคุยกับนายทักษิณเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว”
สอดรับกับบทสัมภาษณ์ของธนาธร หลังการประกาศก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เมื่อปี 2561 ซึ่งตอนนั้น ธนาธร เล่าว่า “ผมเจอคุณทักษิณตัวเป็นๆ ครั้งสุดท้ายและได้ถ่ายรูปด้วยกันเมื่อ 18 ปีก่อน มีอยู่วันหนึ่งคุณทักษิณไปเยี่ยมคุณพ่อผม ซึ่งป่วยเป็นมะเร็ง น่าจะประมาณ 1-2 เดือนก่อนท่านเสีย ตอนนั้น ผมน่าจะอายุประมาณ 23-24 ปี หลังจากนั้นก็ไม่มีการพูดคุยกันอีกเลย”
ประธานคณะก้าวหน้าได้พบกับทักษิณเป็นครั้งที่ 2 ภายใต้บริบทการเมืองใหม่ พรรคก้าวไกลได้รับคะแนน สส.บัญชีรายชื่อเป็นอันดับ 1 รวม สส.ทั้งสองระบบก็เอาชนะพรรคเพื่อไทยไปได้
อย่าลืมว่า วันที่ธนาธรไปพบทักษิณนั้น พรรคเพื่อไทยส่งสัญณาณการเปลี่ยนขั้วแล้ว ธนาธรรู้ว่า มีดีลลับที่ใหญ่กว่าดีลก้าวไกล เปลี่ยนใจใครไม่ได้แล้ว แต่เขาไปฮ่องกงทำไม
อุดมการณ์ต่างกัน
หลังวันเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ 15 มี.ค.2561 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้จัดอีเวนต์แรกคือ จิบกาแฟกับธนาธร เป็นนั่งพูดคุยสบายๆกับนักข่าวกลุ่มหนึ่ง
ธนาธรยอมรับว่า มีความทรงจำด้านลบกับทักษิณ ช่วงม็อบเสื้อแดงเฟื่องฟู โดยครั้งหนึ่งทักษิณโฟนอินบอกว่า พี่น้องหยุดพายเรือ มาส่งตัวเขาเท่านี้พอแล้ว จากนี้เขาจะไปต่อเอง
“เราเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้ง 2548, 2554 ผมไม่ได้เลือกคุณทักษิณ ผมเลือกเขาตอนหลังรัฐประหาร 2549 เลือกพรรคพลังประชาชน และมาเลือกเพื่อไทย” ธนาธรกล่าว
เมื่อทักษิณมาสั่งคนเสื้อแดงหยุดพายเรือ ธนาธรรู้สึกโกรธ “...แง่หนึ่งก็ดีใจ จะได้ชัดเจนเสียที มันก็ไม่อึมครึม”
ทายาททุนใหญ่ไทยซัมมิท สวมบทนักกิจกรรมหัวก้าวหน้า จึงกระโจนเข้าร่วมกับม็อบเสื้อแดง และมีเป้าหมายต้องการการเปลี่ยนแปลง เหมือนคำขวัญ นปช. ยุทธการโค่นอำมาตย์
ตอนแรก ธนาธรประเมินว่า ทักษิณคิดเหมือนเขา แต่เมื่อเห็นคนแดนไกลสั่งคนเสื้อแดงหยุดพายเรือ จึงได้ข้อสรุปว่า
“ความฝันของเขากับความฝันของเรา มันไม่เหมือนกันแล้ว อาจจะใกล้กันบ้างในบางสถานการณ์ แต่จุดมุ่งหมายคนละจุดแล้ว มองดาวคนละดวง”
ชั่วโมงนั้น ธนาธรคิดได้ทันทีว่า “ต้องมีพรรคการเมืองใหม่แล้ว ต้องเป็นพรรคการเมืองที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย..”
ไม่แปลกเลยที่ธนาธร จะให้สัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่งว่า “ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เป้าหมาย เป้าหมายคือเปลี่ยนแปลง”
มิตรในทางยุทธวิธี
เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2566 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ไปร่วมเวทีฟอรั่มของเดอะสแตนดาร์ด ในหัวข้อ Thailand's Political Power Game อ่านเกมอำนาจใหม่การเมืองไทย
ผ่านห้วงเวลาการถูกยุบพรรค และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ธนาธร ได้เรียนรู้การเมืองไทยมากขึ้น และมองเห็นว่า ก้าวไกลยังต้องเป็นมิตรกับเพื่อไทย
“ความเจ็บปวด เจ็บแค้นพรรคเพื่อไทยที่ปล่อยมือพรรคก้าวไกลแล้วไปจับมือกับพรรคอื่นตั้งรัฐบาล 24 ชั่วโมงก็หายแล้ว แต่เสียดายอนาคตของประเทศไทย..”
การเลือกตั้งครั้งหน้า จะไม่มีเงื่อนไข สว.ร่วมเลือกนายกฯ ฉะนั้น ก้าวไกลกับเพื่อไทย จะขัดแย้งแตกหักกันไม่ได้ เพราะคนที่มีความสุขคือ กลุ่มอำมาตย์
อย่างไรก็ตาม ธนาธรประเมินว่า เพื่อไทยไปไม่ถึงเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เฉพาะหน้า เพื่อไทยจึงเป็นมิตรในทางยุทธวิธีของก้าวไกล
ระบอบทักษิณ
แม้จะไม่เชื่อเรื่องอุดมการณ์และแนวทางการเมืองของทักษิณ แต่ธนาธรก็ยอมรับว่า “..เขเป็นคนที่ต้องเรียนรู้มากที่สุด เพราะเขาประสบความสำเร็จมากที่สุด ในฐานะนักการเมือง”
ทักษิณเป็นคนแรกที่เอานโยบายที่หาเสียงไปทำให้เป็นจริง แต่เขาก็มีจุดอ่อนเรื่องครอบครัว มันทำให้พรรคอ่อนแอ
ยุคทักษิณรุ่งเรือง 3 นักกิจกรรมหัวก้าวหน้า อย่าง ปุ๊-ธนาพล อิ๋วสกุล ,เอก-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ต๋อม-ชัยธวัช ตุลาธน มาสุมหัวคิดเรื่องการตั้งสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน และจัดทำวารสารฟ้าเดียวกัน
เดือน ม.ค. 2547 วารสารฟ้าเดียวกัน จัดสัมมนาระดมความคิดเรื่องระบอบทักษิณ ความเป็นมา และความเป็นไปในอนาคต โดยมีนักวิชาการ 30 คนเข้าร่วม
ธนาธรและเพื่อน เป็นคนกลุ่มแรกที่ประดิษฐ์วาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ ก่อนที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะปักธงความคิดล้มระบอบทักษิณ ปลุกม็อบคนเสื้อเหลืองไล่รัฐบาลทักษิณ ในปี 2549
ระบอบทักษิณ ที่นักวิชาการไทยกลุ่มหนึ่งตั้งวงวิพากษ์ในปี 2547 มีคำอธิบายต่างจากแกนนำพันธมิตรฯ ที่หยิบฉวยไปใช้ในทางการเมือง
ปัจจุบัน ธนาธรสรุปว่า “...โหวตเตอร์ของก้าวไกลและเพื่อไทยควรคิดดีๆ ว่า วันนี้สำหรับก้าวไกลแข็งแกร่งพอหรือยัง คุณกล้าเผชิญหน้ากับอำนาจ จารีต กองทัพ และกลุ่มทุนผูกขาด ลำพังด้วยตัวคุณเองหรือไม่ ผมคิดว่าไม่ เพราะฉะนั้นพันธมิตรนี้ถึงสำคัญ”
นั่นคือพันธมิตรก้าวไกล-เพื่อไทย ในมุมมองของธนาธร แต่ทักษิณ จะคิดอ่านเช่นนี้หรือไม่ คงต้องรอฟังคำตอบจากคนชั้นที่ 14 ในช่วงกลางปีหน้า