ปิดฉาก ‘3 ป.’ แยก 3 ทาง ฉากจบ‘พี่ใหญ่’ ในวังวนการเมือง ?

ปิดฉาก ‘3 ป.’ แยก 3 ทาง ฉากจบ‘พี่ใหญ่’ ในวังวนการเมือง ?

ฉากชีวิตของ “3 ป.”จากยุครุ่งเรือง จนเข้าสู่ยามอัสดง ต่างคนต่างมีภารกิจที่จะต้องแยกกันเดินคนละทางในที่สุด เหลือเพียง “พี่ใหญ่” ป.ป้อมที่ยังเวียนว่ายอยู่ใน“อำนาจ”การเมือง ที่ต้องลุ้นฉากจบ 

จารึกไว้หน้าประวัติศาสตร์ การเมือง-การทหาร ของเมืองไทย ครั้งหนึ่งกลุ่มนายทหาร “3 ป.” เติบโตมาจากรั้วทหาร ผ่านเก้าอี้ ผบ.ทบ. มาด้วยกัน วางเกมส่งต่ออำนาจจากรุ่นสู่รุ่น ก่อนจะนำมาสู่การรัฐประหารปี 2557 จนครองอำนาจมากว่า 9 ปี

มาวันนี้ “3 ป.” ประกอบด้วย “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่คนกลาง” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา “น้องเล็ก” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงวันต้องแยกกันเดินคนละทาง 

จุดหักเหที่ทำให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของครอบครัว “3 ป.” ไม่อบอุ่นเหมือนเดิม มาจาก “ประวิตร” และ “คนรอบกาย” คิดการณ์ใหญ่หวังนั่งเก้าอี้นายกฯ วางแผนล้ม “ประยุทธ์” ก่อนจะล้มเหลว ต่อด้วยลงทำศึกเลือกตั้ง โดยพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องมาขับเคี่ยวกันเอง

สำหรับ “อนุพงษ์” คอยสนับสนุน “ประยุทธ์” อยู่เบื้องหลัง เพราะในช่วงครองอำนาจหลังการเลือกตั้งปี 2562 เด็กในคาถาของ “ประวิตร” ต่างมุ่งโจมตี “อนุพงษ์” เลื่อยขาเก้าอี้ “รมว.มหาดไทย” หวังยึดคลองหลอดไปบัญชาการเอง

“ประวิตร” โดดเดี่ยวตัวเองออกมาพร้อมสัญญาใจกับ “ประยุทธ์-อนุพงษ์” ระหว่าง “พลังประชารัฐ” กับ “รวมไทยสร้างชาติ” หากพรรคใดได้ สส. มากกว่าก็จะได้เก้าอี้นายกฯ

ผลการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 พรรคพลังประชารัฐได้ 40 ที่นั่ง พรรครวมไทยสร้างชาติได้ 36 ที่นั่ง แม้ “ประวิตร” จะชนะ “ประยุทธ์” แต่ด้วยจำนวน สส. ที่น้อยเกินไป ทำให้ “ประวิตร” ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ได้แค่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย มีโควตารัฐมนตรีเพียงแค่ 2 เก้าอี้ (อีก 1 รมช. รอปรับครม.)

'ลุงป้อม'ประคองพปชร.-ค้ำยันเก้าอี้ 'พัชรวาท'

เส้นทางของ “ประวิตร” หลังจากนี้ คาดการณ์ว่าจะยังต้องประคับประคอง “พลังประชารัฐ” ในฐานะหัวหน้าพรรคต่อไป แต่การเมืองไทยไม่มีอะไรแน่นอน จึงมีแรงเชียร์-แรงหนุน จากคนรอบกายเสนอสูตรสานฝันให้หลงเคลิ้มอยู่หลายครั้ง

ทว่า เหตุผลสำคัญที่ “ประวิตร” ไม่ยอมหันหลังให้พลังประชารัฐ เพราะต้องช่วยค้ำยันเก้าอี้ให้น้องชาย “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่เช่นนั้น “พลังประชารัฐ” อาจมีคนเซ้งพรรคไปดูแล

เนื่องจากสไตล์การทำงานของ “พัชรวาท” แตกต่างจาก “ประวิตร” โดยสิ้นเชิง แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับ สส. และไม่มีการส่งกำลังปัจจัยให้เป็นขวัญกำลังใจ ส่งผลให้เกิดช่องว่างจนมีคนคิดจะยกทีม สส.ไปหาสังกัดใหม่

ดังนั้น “ป. ประวิตร” ยังต้องอยู่บนเส้นทางการเมืองไปอีกสักระยะรอจังหวะที่เหมาะสม อาจไปต่อ ลงสนามเลือกตั้งอีกสักรอบ หรือวางมือทางการเมือง ส่งไม้ต่อให้ “พัชรวาท” ในยามที่สร้างบารมีของตัวเองได้

'บิ๊กป๊อก'เก็บตัวไร้ศัตรู-ไร้มิตร

ขณะที่ “ป. ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ ครองเก้าอี้ มท. 1 มานานกว่า 9 ปี วางเครือข่ายอำนาจเอาไว้หลายรุ่น แม้การเมืองจะเปลี่ยนแต่ยังพอมีใบเบิกทางได้

โดยในทางการเมืองบทบาทของ “3 ป.” ในช่วงเรืองอำนาจ “อนุพงษ์” มีบทบาทหน้าฉากน้อยสุด แต่หลังฉากบริหารสั่งการกลไกมหาดไทยเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจนแทบจะไม่มีข่าวฉาวโฉ่ออกมาให้เห็น แม้จะมีเสียงนินทาว่า ทุกอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เก็บเงียบ เก็บเรียบ 

หลังหมดอำนาจหน้าที่ “อนุพงษ์”เลือกที่จะเก็บตัวอยู่อย่างเงียบๆ ไม่เป็นศัตรูกับใคร แต่อาจต้องระวังหลัง หากมีคนจะเปิดแผลเก่า ทว่าก็ยังมีน้องรักอย่าง “ประยุทธ์” คอยเป็นเกราะกำบังให้อยู่ ถือได้ว่า ป.ป๊อก จบอย่างสบายที่สุดในบรรดาพี่น้อง 3 ป.

'ประยุทธ์'องคมนตรีมากคอนเนกชัน

ขณะที่ “ป. ประยุทธ์” ล่าสุด ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง “องคมนตรี” หลังนั่งเก้าอี้นายกฯ มากว่า 9 ปี แม้จะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของ “รวมไทยสร้างชาติ” ทว่า หลังจากนี้ “ป.ประยุทธ์” จะไม่สามารถลงมาขับเคลื่อนการเมืองหน้าฉากได้อีกต่อไป

โดยในช่วงที่ผ่านมา “ประยุทธ์” ได้พักร้อน เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น พร้อมเปิดบ้านให้ “คนใกล้ชิด” ได้เข้าเยี่ยมอยู่หลายครั้งหลายครา ส่วนใหญ่จะถามทุกข์สุข อาจจะมีเรื่องการเมืองให้ถามไถ่อยู่บ้าง ซึ่งมักจะให้กำลังใจ ไม่ได้มีข้อชี้แนะทางการเมือง

มีกระแสข่าวว่า “ประยุทธ์” มีความสุขในช่วงพักร้อน แต่ยังมีปัญหาด้านสุขภาพอยู่เล็กน้อย บริเวณแขนที่เคยผ่าตัด ซึ่งยังไม่หายสนิท แต่เข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร

ชีวิตของ “ป. ประยุทธ์” ถือว่าลงจากหลังเสือได้อย่างปลอดภัย ปิดฉากเส้นทางการเมืองได้อย่างสวยงามคนหนึ่ง เปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างราบรื่น โดยเปลี่ยนทางลงของตัวเอง เป็นทางขึ้นของ “เพื่อไทย”

ฉากชีวิตของ “3 ป.”จากยุครุ่งเรือง จนเข้าสู่ยามอัสดง ต่างคนต่างมีภารกิจที่จะต้องแยกกันเดินคนละทางในที่สุด เหลือเพียง “พี่ใหญ่” ป.ป้อมที่ยังเวียนว่ายอยู่ใน“อำนาจ”การเมือง ที่ต้องลุ้นฉากจบ