‘โฆษกกลาโหม’ ถูกตีตรา ส่ง ‘จิรายุ ห่วงทรัพย์’ รบการเมือง
จากนี้คงต้องจับตาบทบาทโฆษกกลาโหม ฝ่ายการเมืองของ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” ว่าจะปรับโทน หรือคงความดุเด็ดเผ็ดร้อนอย่างสมัยร่วมทีมโฆษกพรรคเพื่อไทยหรือไม่
มีอะไรในกอไผ่ หลัง “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม เซ็นตั้ง “จิรายุ ห่วงทรัพย์” อดีตสส.กทม.และอดีตโฆษกฝีปากกล้าพรรคเพื่อไทย มานั่ง “โฆษกกระทรวงกลาโหม”ฝ่ายการเมือง ทำหน้าที่ประสานงานกับ “ทีมโฆษกเหล่าทัพ” ชี้แจงสร้างความเข้าใจกับประชาชนในภารกิจของกระทรวงกลาโหม
พูดง่ายๆ คือให้มาตอบโต้ประเด็นการเมือง แต่คงไม่เกี่ยวกับว่า “โฆษกกลาโหม”คนปัจจุบัน “พล.ร.ต. ธนิตพงศ์ สิริเศวตศักดิ์” และทีมงานทั้ง 5 คน ซึ่งไม่ได้มีข้อบกพร่องอะไร เพราะ “สุทิน” การันตีว่า ทั้งหมดล้วนเด้งรับนโยบาย ทำงานสอดประสานพีอาร์งานกระทรวงกลาโหมได้เป็นอย่างดี
เพียงแต่มีข้อจำกัด"ทหาร"ต้องวางตัวเป็นกลาง จะให้มาตอบโต้ฝ่ายการเมืองที่อนาคตอาจได้เข้ามานั่งเป็น “ผู้บังคับบัญชา”เช่นเดียวกับ “สุทิน” คงไม่ส่งผลดีต่อชีวิตราชการทหารมากนัก
อดีตเคยมีตัวอย่างให้เห็น ในยุคที่ไร้โซเชียลมีเดีย “โฆษกกลาโหม” ท่านหนึ่ง ตัดแปะข่าวประจำวันส่งให้อดีต รมว.กลาโหม ภารกิจที่ทำเป็นประจำทุกวัน รู้ถึงหู รมว.กลาโหมคนใหม่ จึงไม่แฮปปี้ สั่งเด้งพ้นเก้าอี้โฆษกกลาโหม ด้วยเหตุไม่เป็นที่ไว้วางใจ เพราะยังภักดีต่อนายเก่า
ส่วนอีกกรณี “รมว.กลาโหม”ใช้ “โฆษกกลาโหม” เป็นเครื่องมือตอบโต้ฝ่ายการเมือง ในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานกองทัพ ในขณะที่ โฆษกกลาโหมเป็นข้าราชการประจำ เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งมาก็ต้องปฏิบัติตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยามเมื่อลมเปลี่ยนทิศ โฆษกกลาโหมท่านนั้นกลับได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เพราะฝ่ายการเมืองที่เคยไปตอบโต้กลับมามีอำนาจ ส่งผลให้ถูกย้ายเข้ากรุ ไม่ได้เลื่อนยศ ปรับตำแหน่งอย่างที่ควรจะเป็น เหตุถูกผู้บังคับบัญชามองว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม จึงต้องยกกระเช้าขอเข้าไปอวยพรปีใหม่ แต่ก็ยังถูกตราหน้า พวกเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ได้รับผลมาตราบจนถึงทุกวันนี้
ถึงครา “สุทิน”มานั่ง รมว.กลาโหม กว่าจะฟอร์มทีม “โฆษกกลาโหม” ชุดปัจจุบันเข้ามาทำหน้าที่ เลือดตาแทบกระเด็น เพราะปกติตำแหน่งนี้ 90% “ทหารบก” เป็นฝ่ายครอบครองมาแต่ไหนแต่ไร เว้นรอบนี้โยนกันไปมา เพราะยังคงขยาด หวยจึงมาตกที่ “ทหารเรือ”
จะเห็นได้ว่าตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา “สุทิน”ทำหน้าที่ รมว.กลาโหม ควบคู่ไปกับการชี้แจงประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองให้กับกองทัพมาตลอด
จึงมีแต่ทหารยกหัวแม่โป้งให้ และพูดเป็นเสียงเดียวกัน “มีท่านสุทินมาเป็น รมว.กลาโหม ช่วยกองทัพได้มากทีเดียว ชี้แจงได้ทุกเรื่อง และเคลียร์ให้จบด้วย ประชาชนก็เชื่อ ในขณะที่ทหารพูดอะไรออกไป ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องจริง คนก็ไม่ค่อยเชื่อ เพราะมองว่าเป็นทหารด้วยกัน ต้องเข้าข้างกันเอง”
ส่วน “กระทรวงกลาโหม”ที่ตกเป็นเป้าการเมืองมาทุกยุคสมัย เพราะมีเรื่องภายในที่ยังอิรุงตุงนัง ปัญหาจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ การปฏิรูปกองทัพ สวัสดิการความเป็นอยู่กำลังพล อีกทั้งปีหน้าต้องรับศึกหนัก ทั้งการชี้แจงงบประมาณประจำปี2567 และศึกซักฟอกรัฐบาล อาจถูกฝ่ายค้านถล่มทั้งในและนอกสภา
ลำพังแต่ “สุทิน” หากออกมาตอบโต้การเมืองทุกเม็ดก็คงไม่ไหว จำต้องผ่องถ่ายงาน "จิรายุ ห่วงทรัพย์"จึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดกับตำแหน่งโฆษกกลาโหม ฝ่ายการเมือง
“จิรายุ”โฆษกป้ายแดง เปิดเผยถึงเหตุผลที่ได้รับแต่งตั้งว่า "เนื่องจากผมเคยผ่านงานในคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร มีความรู้งานด้านกฎหมาย และยังเป็นอดีต สส.ก็จะรู้กลไกระบบงานในรัฐสภา หรือการเมืองระหว่างประเทศ ท่านก็เลยชวน และได้ผ่านคณะกลั่นกรองของผู้บริหารพรรคเพื่อไทย และมีความเห็นว่าให้ผมเข้ามารับตำแหน่งนี้"
ยืนยันว่า ทันทีที่รู้ว่ามาทำหน้าที่นี้ ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาในรอบ 10 ปี ทราบว่ากองทัพมีข้อดีอยู่มาก ทั้งในเรื่องการช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ แต่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านเหล่าทัพ ไม่ได้ผ่านกระทรวง ซึ่งกว่าแต่ละเหล่าทัพจะออกมาให้ข้อมูลต้องผ่านการกลั่นกรองตามกระบวนการของราชการ อาจไม่ทันท่วงที
ในส่วนของตน ก็อาจจะรวบรวมข้อมูลในภาพรวมและมาประมวลผลชี้แจงอีกครั้ง ภายในสัปดาห์หน้า พล.อ.มล.สุปรีดี ประวิตร หัวหน้าสำนักงาน รมว.กลาโหม นัดตนพบกับทีมโฆษกเหล่าทัพ และเชื่อมั่นว่าจะทำงานร่วมกับเหล่าทัพได้ เพื่อช่วยสนับสนุนข้อมูลให้กับ รมว.กลาโหม ชี้แจงในรัฐสภา ทั้งกระทู้ถามสด ศึกซักฟอก และบางเรื่องตนก็จะชี้แจงเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้ รมว.กลาโหมชี้แจงทุกเรื่อง
“ไม่ใช่เฉพาะประเด็นตอบโต้การเมืองเท่านั้น ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหม ก็ถือเป็นหน้าที่ของผมทั้งหมด ก็จะดูความเหมาะสม หากเป็นเรื่องระดับปฏิบัติการ เช่น การฝึกซ้อมรบ ชายแดน ก็ให้เป็นหน้าที่ของโฆษกเหล่าทัพไป ในส่วนของผมจะเน้นหนักเรื่องของนโยบายของรัฐบาล นโยบาย รมว.กลาโหม ที่ให้เหล่าทัพไปดำเนินการ เช่น การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การคืนที่ดิน การปรับปรุงยุทโธปกรณ์ การปฏิรูปกองทัพ” จิรายุ กล่าว
สำหรับ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” เคยรับบทบาทเป็นโฆษกฝีปากกล้าของพรรคเพื่อไทย ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้งสส.กทม. ปี 2554 สามารถเอาชนะคู่แข่งจากพรรคประชาธิปัตย์ สส.หลายสมัย รวมถึงการเลือกตั้งปี 2562 ก็ยังรักษาแชมป์ไว้ได้สำเร็จ
นอกจากนี้ “จิรายุ” ยังมีบทบาทการเปิดโปงทุจริตคอร์รัปชัน เช่น โครงการชุมชนพอเพียง การจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง และที่โด่งดัง คือการตรวจสอบกล้องดัมมี่ CCTV ของ กทม. และสนามฟุตซอล ที่หนองจอก
ในการรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 22 พฤษภาคม 2557 “จิรายุ ห่วงทรัพย์” ถูก คสช. ให้ไปรายงานตัวตามประกาศฉบับที่ 14/2557 และถูกควบคุมตัวไว้ในค่ายทหารแห่งหนึ่งที่จังหวัดสระบุรี
อย่างไรก็ตาม จากนี้คงต้องจับตาบทบาทโฆษกกลาโหม ฝ่ายการเมืองของ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” ว่าจะปรับโทน หรือคงความดุเด็ดเผ็ดร้อนอย่างสมัยร่วมทีมโฆษกพรรคเพื่อไทยหรือไม่
แต่เหนืออื่นใด กระแสในกองทัพก็ยกเครดิตให้ “สุทิน” ในฐานะที่เข้ามาทำหน้าที่ รมว.กลาโหม เพียงไม่กี่เดือน แต่เข้าใจหัวอกข้าราชการประจำ ไม่นำมาเป็นเครื่องมือตอบโต้ฝ่ายการเมือง