‘ไพฑูรย์‘ ชู ‘นราพัฒน์’ รุ่นใหม่-ใจนิ่ง ชิง 'หัวหน้าปชป.' เชื่อแพ้-ชนะ ไร้ปัญหา
"ไพฑูรย์" ชู "นราพัฒน์" ลูกชาย มีประสบการณ์- คนรุ่นใหม่-ใจนิ่ง ชิงแคนดิเดต "หัวหน้าปชป." เชื่อผลแพ้-ชนะ ทำงานได้กับทุกคน
ที่รัฐสภา นายไพฑูรย์ แก้วทอง กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะบิดาของนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แคนดิเดตชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนราพัฒน์ ต้องลงแข่งขันกับน.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ ตนเองเป็นคนรุ่นเก่า อีก 2 ปีก็อายุ 90 ปี แล้ว มีฐานะเป็นที่ปรึกษา ก็ให้แล้วแต่ความสามารถ แต่ก็อยากให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค
ทั้งนี้นายนราพัฒน์ อายุเพียง 54 ปี แต่เป็น สส.มาแล้ว 4 สมัย มีประสบการณ์เคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี 2 สมัย หากว่าสมาชิกพรรคสนับสนุนก็เป็นเรื่องของเขา แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่แปลก อยู่ตำแหน่งไหนก็ทำงานได้ นิสัยในขอเขาทำงานกับใครก็ได้ ไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า หากไม่ได้ตำแหน่งหัวหน้าพรรค ก็จะยังทำงานกับพรรคต่อไปใช่หรือไม่ นายไพฑูรย์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา อย่างตนยังทำงานกับนายสนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้เลย แต่นิสัยใจคอของนายนราพัฒน์ นิ่งกว่าตนด้วยซ้ำไป
ดังนั้น อยู่ที่การตัดสินใจของสมาชิกพรรค แต่เราต้องยอมรับว่า ตอนนี้ต้องเอาคนรุ่นใหม่มาทำงาน จะได้ถึงลูกถึงคนหน่อย อะไรที่เปลี่ยนแปลงไปต้องฟังได้ทุกอย่าง
ส่วนมองว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งภายในพรรคหรือไม่ นายไพฑูรย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต นายนราพัฒน์เองก็เคยพูดว่า หากได้ตำแหน่งหัวหน้าพรรค ก็จะเชิญน.ส.วทันยา มาร่วมทำงานด้วย แต่หากน.ส.วทันยา ชนะ เขาเองก็ยินดีจะร่วมทำงาน และจะรื้อฟื้นยุวประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยแข็งแรง
นายไพฑูรย์ ยังกล่าวว่า นายนราพัฒน์ไม่ได้มาขอคำปรึกษาจากตน มีเพียงการพูดคุยกันธรรมดา ซึ่งตนก็ไม่ได้เข้าข้างใคร และไม่ได้ช่วยหาเสียงอะไรเป็นพิเศษ พร้อมมองว่า ผู้มาลงชิงตำแหน่งเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งคู่ แต่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นลูกหม้อพรรคประชาธิปัตย์ เพียงแต่ต้องยอมรับกัน ไม่ใช่ว่าใครแพ้ก็หนีพรรคเหมือนที่ผ่านๆ มา พรรคเราไม่มีเจ้าของ คนที่แพ้ก็ต้องอยู่กับพรรค คนที่ชนะก็ต้องใจกว้าง เชิญเขามาทำงานร่วมกัน ไม่ใช่แบ่งคนละพวกเลย
เมื่อถามว่า เชื่อมั่นว่า นายนราพัฒน์จะสามารถกู้พรรคได้หรือไม่ นายไพฑูรย์ กล่าวว่า ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่ต้องประกอบด้วยทีมงานหลายฝ่าย
“ต้องใจเย็นห้ามทะเลาะกัน เหมือนอย่างบางคนที่แพ้แล้วก็ไป คนที่ชนะก็ไม่ยอมชวนมาทำงาน เรื่องนี้ขอพูดเป็นแนวทางให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคได้คิดด้วย” นายไพฑูรย์ กล่าว