อินไซต์ แบก‘เฉลิมชัย’นำ ปชป. ฝ่า‘ตระบัดสัตย์’-สกัด‘ต่อแตกรัง’
"เบื้องลึก-หมากล่อ" 21สส.แบก "เฉลิมชัย" ชิงผู้นำประชาธิปัตย์คนที่9 กรุยทางเคลียร์ครหา"ตระบัดสัตย์" -สกัด"ต่อแตกรัง"
อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะได้รู้กันว่าศึกชิง “ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์” คนที่ 9 ซึ่งยืดเยื้อมานานแรมปี ที่สุดบทสรุปของเรื่องนี้จะจบลงที่ใคร
แม้ก่อนหน้านี้ จะมีการเปิดตัว “2 ผู้ท้าชิง” ไม่ว่าจะเป็น “มาดามเดียร์”วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ขายภาพ ปชป.ยุค “ยังบลัด”
โดยเสียงกลุ่มนี้ จะมีทั้ง “รุ่นเก่า-กลาง-ใหม่” คละเคล้ากันไป
ล่าสุด “มาดามเดียร์” โพสต์คลิปเปิดใจ Ep 2 เนื้อหาช่วงหนึ่งระบุว่า “พวกเราพรรคประชาธิปัตย์ ต้องกล้าลงมือเปลี่ยนแปลง และมีแต่คนประชาธิปัตย์เท่านั้น ที่จะกำหนดอนาคตที่ดีของพรรคประชาธิปัตย์ได้”
ก่อนหน้า “มาดามเดียร์” ได้มีการเปิดตัว “ตุ้ม” นราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นลูกชายของ “ไพฑูรย์ แก้วทอง” อดีตรัฐมนตรี และอดีต สส.พิจิตร “บ้านใหญ่เมืองชาละวัน”
“นราพัฒน์” ได้รับการโอบอุ้มโดย “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้า และรักษาการเลขาธิการพรรค รวมถึงสส.กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย
ทว่า จู่ๆ สถานการณ์กลับพลิกผัน เมื่อ“กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” เปลี่ยนเกม รวบอำนาจเบ็ดเสร็จ ด้วยการเปลี่ยนตัวแคนดิเดตหัวหน้าจาก “นราพัฒน์” เป็น “เฉลิมชัย”
- "เบื้องลึก" เปลี่ยนตัว กรุยทางเคลียร์ "ตระบัดสัตย์" -สกัดต่อแตกรัง
“เบื้องหน้า”กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย ให้เหตุผล เรื่องความใจถึงพึ่งได้ของ “พี่ใหญ่เมืองสามอ่าว”
โดยเฉพาะ “ประมวล พงศ์ถาวราเดช” สส.ประจวบคีรีขันธ์ หนึ่งใน สส.กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย ที่บอกว่าเป็นความต้องการของ สส.และการ “บังคับ”ให้ “เฉลิมชัย” เข้ามาช่วยแก้วิกฤติ เพราะสามารถประสานได้ทุกฝ่าย
ทั้งที่ “เบื้องลึก” จริงๆ การเปลี่ยนตัวจาก“นราพัฒน์”มาเป็น"เฉลิมชัย" ซึ่งต้องฝ่าครหา “ตระบัดสัตย์”ครั้งนี้ เกิดจากหลายเหตุปัจจัย
1.กระแส สอดคล้องจากผลโพลในช่วงที่ผ่านมา ที่เป็นรอง “มาดามเดียร์” ผู้ท้าชิง จะมีก็แต่ “เฉลิมชัย” ที่ตีตื้นอยู่ในลำดับ 2
2. กระสุน เป็นที่รู้กันว่า “เฉลิมชัย”คือหนึ่งในนายทุนคนสำคัญของพรรค โดยสส.กลุ่มนี้จำต้องอาศัย “ท่อน้ำเลี้ยง” จากพี่ใหญ่ อยู่ในจำนวนไม่น้อย หากมีอำนาจหรือตำแหน่งในพรรคก็ย่อมเป็นการดี
3. สกัด “ต่อแตกรัง” โดยเฉพาะ “กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” มีสส.ในปกครอง 21 คน แยกเป็นซุ้มต่างๆ ประกอบด้วย “ซุ้มนครศรีธรรมราช”ภายใต้การนำของ “แทน”ชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการ มีสส.ประกอบด้วย
พิทักษ์เดช เดชเดโช น้องชาย ราชิต สุดพุ่ม ทรงศักดิ์ มุสิกอง ยุทธการ รัตนมาศ และอวยพรศรี เชาวลิต
“ซุ้มสงขลา” ภายใต้การนำของ “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค มีสส.ประกอบด้วย
สุภาพร กำเนิดผล ภรรยา ศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง ลูกชาย สมยศ พลายด้วง และ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่
ซุ้มตรัง สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ลูกสาวบ้านใหญ่เมืองตรัง และ กาญจน์ ตั้งปอง
ซุ้มประจวบ จักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ หลานชายเฉลิมชัย และประมวล พงศ์ถาวราเดช
ซุ้มพัทลุง สุพัชรี ธรรมเพชร และ ร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง นอกจากนี้ ยังมี ยูนัยดี วาบา สส.ปัตตานี วุฒิพงษ์ นามบุตร สส.อุบลราชธานี สมบัติ ยะสินธุ์ สส.แม่ฮ่องสอน
โฟกัสไปที่ 2 กลุ่มแรก คือ นครศรีฯ ของ “เสี่ยแทน” ชัยชนะ มี สส. 6 คน และสงขลาของ “นายกชาย”มี สส.5 คน คุมเสียงสำคัญในพรรค ซึ่งที่ผ่านมา มีกระแสการเบียดชิงเก้าอี้ ทั้งในส่วนของ “ประธานกรรมาธิการตำรวจ” สภาฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการชิงระหว่าง “ชัยชนะ” และ “เดชอิศม์” ก่อนจะไปลงล็อกที่ “ชัยชนะ” ในที่สุด
ถัดมาคือตำแหน่ง “เลขาธิการพรรค” คนใหม่ ซึ่งมีทั้ง “เดชอิศม์” และ “ชัยชนะ” ติดโผมาตั้งแต่ต้น
สอดคล้องกับที่มีความพยายาม เสนอสูตรหัวหน้าพรรคเป็น “คนกลาง” เชื่อม 2 ขั้ว คือ“มาดามเดียร์” ขณะที่เลขาธิการพรรค ให้เป็นสัดส่วนของกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย แต่เปลี่ยนจาก “เดชอิศม์” เป็น “ชัยชนะ” เพื่อสร้างภาพคนรุ่นใหม่
ที่น่าสนใจ ก่อนหน้านี้ “6 สส.กลุ่มชัยชนะ” ถูกจับตาว่าอาจเป็นตัวแปร “พลิกเกม” อาจหันไปโหวตให้มาดามเดียร์
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หาก “เฉลิมชัย” ซึ่งสส.ทั้ง 21คน ให้ความยำเกรงไม่ชิงตัดบท รวบอำนาจนั่งหัวหน้าพรรคด้วยตนเอง ย่อมสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปรากฎการณ์“ต่อแตกรัง”โหวตไปคนละทิศละทางได้
- "หมากล่อ" เปิดทาง "พี่ใหญ่" คืนอำนาจ
ทว่าในขณะที่กระแสหนึ่งบอกว่าเป็นการสกัด "ต่อแตกรัง" อีกกระแสก็บอกว่า กลุ่มเฉลิมชัย ทำทีเป็นเหมือน “ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” โดยวางท่าทีสนับสนุนอีกฝั่ง เป็นเพียงการ “สร้างสตอรี่” เพื่อเปิดทางให้ “พี่ใหญ่” คืนสู่อำนาจ แม้จะต้องเผชิญครหา“ตระบัดสัตย์” แต่ก็อ้างได้ว่าเป็นการร้องขอจากลูกพรรค
จับตาสถานการณ์ “เฉลิมชัย”ที่ดูเหมือนว่าจะเลือกลุยไฟ ฝ่าครหา“ตระบัดสัตย์”ด้วยการเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคด้วยตัวเอง
รวมทั้งต้องจับตาเก้าอี้ “เลขาธิการพรรค”จะไปลงล็อกที่ใคร ระหว่าง“เดชอิศม์”และ “ชัยชนะ”
เดิมพันครั้งสำคัญบนเส้นทางสายสีฟ้า โดยเฉพาะเฉพาะตัว “เฉลิมชัย” เจ้าของวลี “คำไหนคำนั้น” เคยประกาศกร้าวบนเวที เท่าที่ปรากฎในสื่อต่างๆ อย่างน้อย 4 ครั้ง
- ย้อนรอย4ครั้ง กร้าว! "เลิกเล่นการเมือง"
- วันที่14 เม.ย.2565 “เฉลิมชัย” ในฐานะรมว.เกษตรและสหกรณ์พร้อมด้วยภริยา รวมถึงวิรัช ปิยพรไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ประจวบคีรีขันธ์ “พี่ชาย” ร่วมสรงน้ำและขอพรพระเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ โดยมีข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้ารดน้ำอวยพร
วันนั้นเฉลิมชัยพูดว่า “จักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์” (ส.ส.เซ้ม) หลานชายลงเล่น ส.ส.เขต 2 จ.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ แทนตน ส่วนตนขณะนี้ได้กลับมาเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ รอบที่ 2 ในวันที่คนที่ไม่ชอบปรามาสว่าประชาธิปัตย์จะสูญพันธุ์ ผมบอกแล้วถ้าผมจะสู้ผมจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ดีขึ้น และเป็นบทพิสูจน์ได้
“ในวันนี้พรรคประชาธิปัตย์เรามี ส.ส.จำนวน 51 คน และคาดว่าปีหน้าจะมีการเลือกตั้ง เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะมี ส.ส.มากกว่านี้ หากพรรคไม่ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ผมเองจะกลับมาประจวบฯ และจะเลิกเล่นการเมืองทั้งชีวิต”
- วันที่ 14ส.ค.2565 “เฉลิมชัย”กล่าวปราศรัยในงาน “รวมพลัง 30 เลือดใหม่ ทวงปักษ์ใต้คืน” ที่จังหวัดสงขลา ตอนหนึ่งว่า“ผมไม่บอกว่าจะได้กี่เขต แต่วันที่พรรคมีวิกฤต ผมประกาศไว้ชัดเจนแล้ว
รอบนี้ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ต่ำกว่า 52 ที่ ผมเลิกเล่นการเมืองทั้งชีวิต เลิกเล่นนะ ไม่ใช่หยุดเล่น เลิกคือหันหลังเดินออกไปเลย”
- วันที่15พ.ย.2565 เฉลิมชัย ตอบคำถามสื่อเครือเนชั่น ที่ถามย้ำ กรณีที่เคยประกาศไว้ว่า หากรอบนี้ได้ส.ส.ต่ำกว่า52ที่นั่งจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต “นั่นเป็นความรับผิดชอบของตนอยู่แล้ว ตนรักษาคำพูดคือเลิกเล่นการเมืองแต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อทำให้พรรคปชป.กลับมาได้ส.ส.มากที่สุด และทำให้ความเป็นประชาธิปัตย์กลับมาในประเทศไทยให้ได้”
“สิ่งที่ประกาศไม่ใช่การพูดด้วยอารมณ์แต่อยากแสดงให้ประชาชนเห็นถึงความรับผิดชอบในวันที่ผมเป็นเลขาธิการพรรค”
- วันที่30พ.ค.2566 “เฉลิมชัย”พูดถึงความคืบหน้าการเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ คำถามเลขาธิการพรรค ยังเป็นคนเดิมหรือไม่ “เฉลิมชัย” ตอบว่า “ไม่หรอก ผมหยุดอยู่แล้ว ”
ถามอีกว่า แม้จะหยุดบทบาทแต่ยังให้คำปรึกษาใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัย ตอบว่า ถ้าเขามาปรึกษาก็ปรึกษาได้ ถ้าไม่มาปรึกษาก็อยู่บ้าน
ถามอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ กรณีที่พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ "เฉลิมชัย" ตอบว่า ต้องเป็นมติของพรรค หลังจากนี้ ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งเท่านั้น
ฉะนั้นตัวเลข “25 สส.” ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา จึงกลายเป็นเสมือน “บ่วงคล้อง” ตัวเองในยามนี้
ดีเดย์ 9 ธ.ค.โหวตผู้นำประชาธิปัตย์คนที่ 9 กว่าจะรู้ผล คาดว่ายังมีหมากตัวจริงตัวหลอกให้ต้องลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย!