สัญญาณฟื้น‘บ้านป่ารอยต่อฯ’ ‘พี่น้อง 2 ป.’กระชับอำนาจ พปชร.
การประชุมพรรคพลังประชารัฐทุกวันอังคาร “ประวิตร” จะปรากฏกายเคียงข้าง “ลูกพรรค-ลูกรัก” เกือบทุกครั้ง พร้อมประกาศคำมั่นสัญญา “ผมยังเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอยู่ ไม่ได้จากทุกคนไปไหน”
หลังการเลือกตั้ง 14 พ.ค. จวบจนช่วง พรรคเพื่อไทย รวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ซีนการเมืองของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แทบจะหายเข้ากลีบเมฆ ทั้งที่บารมีภายในพรรคยังสูง
ที่ผ่านมา“พล.อ.ประวิตร” มอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ เดินเกมฉากหน้า เปิดโต๊ะเจรจาเข้าร่วมรัฐบาลกับ “เพื่อไทย” เพื่อรักษาสถานะของพรรคพลังประชารัฐ ให้อยู่ในอำนาจรัฐต่อ สามารถเก็บเสบียงไว้สู้ศึกรอบใหม่
แม้ตัวของ “ลุงป้อม” จะอกหักพลาดหวังนั่งเก้าอี้นายกฯ แต่ก็ยังสามารถผลักดันให้น้องชาย “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ นั่งเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วางทายาทการเมือง ตระกูลวงษ์สุวรรณอยู่ในวงจรอำนาจได้สำเร็จ
แม้สถานการณ์ในรัฐบาลจะสงบหลังจบดีลพรรคร่วม แต่ก็ยังมีกระแสข่าวภายใน “พลังประชารัฐ” กระเส็นกระสายออกมา เรื่องขั้วอำนาจในพรรค อาจจะมีการเปลี่ยนมือ เพราะ“ลุงป้อม”ไม่น่าจะไหว แต่คนใกล้ตัวก็มักจะออกมายืนยันแทนว่า ลุงป้อมยังไปต่อบนเส้นทางการเมือง
ข่าวลือที่ไม่จบเสียที และยังไปเข้าหูเบอร์หนึ่ง"บ้านป่ารอยต่อ”อยู่เป็นระยะ แม้แต่เรื่องความเคลื่อนไหวการรวมตัวของ สส.พลังประชารัฐ เกือบ 30 ชีวิตที่ “ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร” ก็ถูกเล่าขานสนั่นยุทธจักรการเมือง
สายข่าวรอบตัวลุงป้อม ก็ต้องคอยเช็คทุกความเคลื่อนไหว และรายงานบนโต๊ะรับแขก-โต๊ะอาหาร “บ้านป่ารอยต่อ” หลายครั้ง เพื่อรีเช็คข้อมูล และแก้ข่าวไม่ให้พรรคเสียหาย
ทำให้ระยะหลัง “พล.อ.ประวิตร” เริ่มท้อใจ จนเกิดระยะห่างกับบรรดา สส.และลูกพรรค อีกทั้งยังส่งสัญญาณผ่านสื่อมวลชนว่า “บ้านป่ารอยต่อปิดแล้ว” จึงกลายเป็นเรื่องโกลาหล ส่งผลให้ สส.ต้องหาทางเอาตัวรอด และทอดไมตรีไปยังผู้มีอำนาจในพรรค
ทว่า ล่าสุด สถานการณ์ในพลังประชารัฐกำลังพลิกฟื้น เมื่อ “ลุงป้อม” หวนคืนอำนาจแล้ว
เพราะรู้ว่า “พลังประชารัฐ” คือพรรคการเมืองที่จะรักษาอำนาจของตัวเองให้คงอยู่ต่อไป จะยอมเสียให้ใครไม่ได้ อีกทั้งต้องประคับประคองน้องชาย “พัชรวาท” ให้อยู่รอดปลอดภัยบนเก้าอี้รัฐมนตรี
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา การประชุมพรรคพลังประชารัฐทุกวันอังคาร “ประวิตร” จะปรากฏกายเคียงข้าง “ลูกพรรค-ลูกรัก” เกือบทุกครั้ง พร้อมประกาศคำมั่นสัญญา “ผมยังเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอยู่ ไม่ได้จากทุกคนไปไหน” ถือเป็นสัญญาณบวกจาก “นาย” ทำให้ลูกพรรคมั่นใจ
นอกจากจะร่วมประชุมพรรคแล้ว “ประวิตร” ยังฟื้นบรรยากาศ เปิดบ้านป่ารอยต่อเหมือนเดิม พร้อมสั่งการให้ สส.เข้าไปพูดคุยความบ้านความเมืองกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อกระชับอำนาจ ไม่ให้เกิดปัญหาข่าวลือข่าวปล่อยเรื่องยึดอำนาจในพรรคอย่างที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังผุดโครงการ “พลังประชารัฐสัญจร” โดยหัวหน้าพรรค จะเดินสายลงพื้นที่จังหวัดที่มี สส.พลังประชารัฐ ก่อน โดยวางไทม์ไลน์เริ่มขยับในช่วงต้นปี 2567 ปักหมุด จ.เพชรบูรณ์ ต่อด้วย จ.หนองคาย จากนั้นจะต่อยอดในพื้นที่ที่ยังไม่มี สส.พลังประชารัฐ เพื่อขยายฐานเสียงให้เข้มแข็งมากกว่าเดิม
ความเคลื่อนไหวของ “ประวิตร” ต้องการส่งสัญญาณแรงๆ ไปยังกลุ่มที่หวังจะเทคโอเวอร์พลังประชารัฐ และการันตีทิศทางการเมืองกับ สส.ว่าไปต่อยาวๆ อีกทั้ง เพื่อสกัดสส.ที่คิดจะรวมตัวย้ายเข้าสังกัด “เพื่อไทย”
มาถึงจุดนี้ แผนการยกโขยงย้ายพรรค โอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างยาก เพราะ “ทีมอุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตั้งกำแพงสกัด ไม่ยอมให้ใครเข้าไปสร้างก๊ก สร้างอาณาจักร สร้างความปั่นป่วน อย่างที่เป็นมา
เมื่อ “ป.ป้อม” ตัดสินใจ หวนคืนสู่อำนาจผู้นำพรรค เพื่อส่งต่ออำนาจให้ “ป.ป๊อด” พัชรวาท อย่างไร้รอยต่อ ด้วยการสร้างบารมีต่อ สส.ด้วยตัวเอง จึงเป็นทิศทางการเมืองของพี่น้อง 2 ป.ที่กำลังกระชับอำนาจในพลังประชารัฐอย่างเป็นรูปแบบ
ที่หนาวๆ ร้อนๆ ก็ต้องจับตาว่า จะมีรายการเขย่าเก้าอี้ใครในพรรคหรือไม่