‘สมศักดิ์’ เตือน ‘กมธ.ตำรวจ’ บุกตรวจอาการ ‘ทักษิณ’ อาจถูกฟ้อง
“สมศักดิ์” ชี้ ไม่ใช่ ”ทักษิณ“ จะต้องรักษาตัวนอกเรือนจำไปตลอด ขึ้นกับคำวินิจฉัยแพทย์ และสิทธิผู้ต้องขัง ยัน ไม่ได้ปกปิดข้อมูล แต่เป็นไปตามระเบียบ เตือน กมธ.ตำรวจ บุกตรวจ ชั้น14 รพ.ตำรวจ โดยพลการอาจถูกฟ้อง ระบุ เป็นเอกสิทธิผู้ป่วย ไม่สิทธิของแพทย์จะเปิดเผยอาการ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงระเบียบราชทัณฑ์เกี่ยวกับการคุมขังนอกเรือนจำว่า เป็นช่วงจังหวะการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่กำหนดไว้ทุก 5 ปี ยืนยัน เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของสังคม และประเทศชาติ ดีกว่ามานั่งรอเซ็นเอกสารไปวันๆ ซึ่งไม่ใช่การพัฒนาประเทศ แต่การพัฒนาประเทศ คือ การคิดเอากฎหมายมาทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ถือเป็นการเมืองที่ดี ยอมรับว่าหลังจากที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงประกาศดังกล่าว ทำให้บุคคลที่จะได้รับโอกาสนั้นเสียโอกาสไป เนื่องจากทำให้ข้าราชการผู้ปฏิบัติงานเกิดความกังวล และคิดว่าถ้าไม่ทำแล้วจะดีกว่า ทั้งนี้ หลังมีการปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว จะสามารถชี้แจงกับประชาชนได้ เพราะไม่มีใครสามารถพูดได้ และเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดถึงความตั้งใจของหน่วยงาน ซึ่งหากไม่เดินหน้าเรื่องนี้ต่อ จะเกิดความเสียหายกับคนที่ได้รับโอกาส
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ต้องรักษาตัวอยู่นอกเรือนจำไปตลอด แต่ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของแพทย์ และสิทธิของผู้ต้องขัง ซึ่งทุกคนที่ออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ไม่ได้หมายความว่า ใครจะมีสิทธิเข้าเยี่ยมได้ทุกคน ยืนยันไม่ใช่การปิดกั้น หรือปกปิดข้อมูล แต่เป็นไปตามระเบียบ โดยการเข้าเยี่ยมขึ้นอยู่กับผู้ต้องขังด้วยว่า จะอนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมได้ เช่น ทนายความ ญาติ หรือคนสนิท ซึ่งหากผู้ต้องขังไม่อนุญาต ก็ไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ ไม่ใช่ว่าใครจะเข้าไปสอบถามว่า เจ็บป่วยเป็นโรคอะไรได้ หรือหากกรณีที่กรรมาธิการการตำรวจ ของสภาผู้แทนราษฎร จะขึ้นไปดูที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ จะต้องขออนุญาตก่อน ถ้าทำโดยพลการอาจถูกฟ้อง
“ถ้าเขาไม่อนุญาตก็ไม่ได้ เป็นเอกสิทธิของผู้ป่วย แล้วหากไปถามเขาว่า เจ็บป่วยอะไร เขาไม่เปิดเผย ถ้าเปิดเผยก็จะถูกฟ้องร้อง ซึ่งหมายถึงทุกคนไม่ใช่เฉพาะรายใดรายหนึ่ง ไม่ใช่สิทธิของแพทย์ที่จะเปิดเผย" นายสมศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) กล่าวว่า วันนี้ (22 ธ.ค.) มีฝ่ายการเมืองออกมาใช้เรื่องสถานที่คุมขัง อดีตนายกฯ ทักษิณ ที่กำลังรักษาอาการป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ มาเล่นเกมการเมืองมากเกินไป พยายามโจมตีเพื่อหวังผลทางการเมือง ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพรรคร่วมรัฐบาล และบางคนถึงกับฝันไปว่า จะเปลี่ยนขั้วอำนาจการจัดตั้งรัฐบาลผสมได้ ขอบอกเลยว่าเป็นเรื่องฝันกลางวัน เพราะอย่างไรวันนี้รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ก็มีความมั่นคงแข็งแรงเป็นปึกแผ่น ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องปรับใครเข้าหรือปรับใครออก มีแต่มุ่งทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชาติและปากท้องประชาชนทุกวัน และทุกวันนี้ก็ทำไปมากแล้ว หากไม่มีใครคอยขัดแข้งขัดขาผลงานรัฐบาลก็จะเกิดขึ้นมากกว่านี้ อยากจะขอร้องทุกฝ่าย หยุดใช้สถานที่คุมขังอดีตนายกฯ ทักษิณ มาเป็นเกมการเมืองอีกเลย ขอให้เป็นเรื่องของกรมราชฑัณท์ที่จะใช้อำนาจตามกฎระเบียบของกฎหมาย ให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุยชนจะดีกว่า เพราะทุกคนที่ถูกศาลสั่งจำคุก ก็ต้องให้กรมราชฑัณท์ควบคุมตัวไปตามกฎเกณท์อยู่แล้ว ใครเจ็บใครป่วยก็ให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัย ไม่ควรไปกดดันใดๆ
“ฝ่ายการเมืองออกมาเรียกร้องตรวจสอบกันทุกวันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมองได้ว่ามิได้เป็นไปโดยสุจริตใจ แต่หวังผลทางการเมืองมากจนเกินไป บางคนพรรคของตัวเองมาร่วมรัฐบาลแล้วก็ยังไม่พอใจ อยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเองอีก บางพรรคก็เล่นเกมหวังร่วมรัฐบาลทั้งที่รัฐบาลผสมตอนนี้ก็เพิ่งทำงานได้แค่สามเดือน ดังนั้นจึงขอให้หยุดฝันกลางวัน หยุดต่อรองทางการเมือง หยุดเอาโรงพยาบาลตำรวจ กรมราชทัณท์และคนป่วยมาเล่นการเมืองกันเสียที เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้คนไทยทั้งชาติ” นายพายัพ กล่าว
ขณะที่พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า พื้นที่การควบคุมผู้ต้องขัง ตามคำสั่งศาลเป็นพื้นที่รักษาความปลอดภัย ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 รวมถึงโรงพยาบาลตำรวจมีหน้าที่รักษาคนไข้เพียงอย่างเดียว อีกทั้ง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 มาตรา 7 ข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล เป็นความลับส่วนบุคคล ผู้ใดจะนำไปเปิดเผย ในประการที่น่าจะทำให้บุคคลนั้นเสียหายไม่ได้ เว้นแต่การเปิดเผยนั้น เป็นไปตามความประสงค์ของบุคคลนั้นโดยตรง หรือมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติให้ต้องเปิดเผย แต่ไม่ว่าในกรณีใดๆ ผู้ใดจะอาศัยอำนาจหรือสิทธิตามกฎหมาย ว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการหรือกฎหมายอื่น เพื่อขอเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคลที่ไม่ใช่ของตนไม่ได้ ขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการเข้ามาทำข่าวในพื้นที่ ให้ระมัดระวังการนำเสนอภาพข่าวหรือภาพ เพื่อไม่ให้ไปกระทบสิทธิผู้ป่วยและประชาชนที่มาใช้บริการ
ล่าสุด นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ประธาน ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวน นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กับพวก และฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้อง มีพฤติการณ์ หรือการกระทำที่ผิดประมวลจริยธรรมของข้าราชการ หรือนักการเมืองรวมทั้งกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเอื้อประโยชน์กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่
เนื่องจาก ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ที่เคลือบแคลงสงสัยว่า นายทักษิณ เข้าเรือนจำ แต่ไม่ได้มีการจำคุกจริงตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ซึ่งไม่เท่าเทียมนักโทษทั่วไป หลังถูกส่งตัวเข้าไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 นับแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2566 ซึ่งครบ 120 วันแล้ว และประชาชนไม่เชื่อว่า นายทักษิณพักรักษาอยู่จริง มีการเอื้อประโยชน์โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือนายทักษิณ ให้มาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งที่ไม่มีอาการเจ็บป่วยจริง และนายแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์รับรองให้นายทักษิณ พักรักษาที่โรงพยาบาล จึงขอให้ตรวจสอบนายแพทย์ดังกล่าวนี้ด้วย
รวมทั้งมีการเร่งรัดเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังนอกเรือนจำ ซึ่งส่อว่า เอื้อประโยชน์ให้กับ นายทักษิณ หรือไม่ รวมถึงมีการดำเนินการตามขั้นตอนเมื่อรับนายทักษิณ เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หรือไม่ หรือมีการเร่งรัดขั้นตอน และมีข้าราชการ หรือนักการเมืองคนใดสั่งการ ช่วยเหลือ สนับสนุนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ นายทักษิณ ไม่ต้องถูกจำคุกจริง โดยขอให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อย ที่ให้การเป็นประโยชน์ไว้เป็นพยานทุกคน