‘พท.’ คุมตั๋วร่วมรัฐบาล พรรคร่วม ซุ่มเสริมอะไหล่
เสถียรภาพรัฐบาลวันนี้จึงค่อนข้างแน่นปึ๊ก ตามที่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี เคยย้ำ 314 เสียง เผลอๆ ตั๋วร่วมรัฐบาลในระยะสั้นวันนี้ อาจไม่เหลือให้ใครมาเพิ่ม เว้นแต่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง
สถานการณ์ของรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยตอนนี้ กำลังสร้างปรากฎการณ์ภายในพรรคร่วมรัฐบาลแบบที่ดูจะต่างไปจากการคาดการณ์ของคอการเมืองอย่างมาก องค์ประกอบของหลายพรรคการเมืองที่ร่วมกันเวลานี้ ต่างเลือกประคองตัวให้อยู่ในเกมแห่งอำนาจยาวนานที่สุดเท่าที่จะนานได้
จนแทบจะไม่เห็นแรงกระเพื่อม หรือเกมการเมืองต่อรองผลประโยชน์จากพรรคร่วมด้วยกันเอง
เมื่ออะไหล่ทางการเมืองหาง่าย มีตัวแปร หรือเสียง สส. ให้เพื่อไทยหยิบฉวยมาทดแทนได้ตลอดเวลา จึงกลายเป็นดุลอำนาจที่เหนือกว่าพรรคการเมืองอันดับรองๆ ลงมาอยู่หลายขุม
สถานการณ์เลยเข้าทางแบบพลิกผันชนิดที่คนเพื่อไทยเองก็อาจคิดไม่ถึง คนในพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง ก็คงคิดไม่ถึงเช่นเดียวกันว่าสถานการณ์ของพรรคตัวเองกำลังเปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ลูกพรรคเต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องใจ ได้รับการดูแลเอาใจใส่ ไม่เต็มที่เหมือนเดิม
นี่ยังไม่นับความได้เปรียบของเพื่อไทย ที่แบรนดิ้งผูกโยงกับทักษิณ ชินวัตร หรือคนชั้น 14 ที่ส่งอิทธิพลไปถึงบรรดาพรรคร่วมจนทุกอย่างสงบ เหตุผลหนึ่งอาจจะเพราะซูเปอร์คอนเน็กชั่นที่ต่อติดซูเปอร์คีย์แมนเบื้องหลัง แท็คติกการบริหารจัดการทางการเมืองที่ยังแพรวพราว จุดไหนชำรุด ถ้าซ่อมไม่ได้ ก็มีอะไหล่ทดแทนตลอดเวลา แม้พรรคพรรคนั้นจะเคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาก่อน
ความไม่เป็นเอกภาพของพรรคการเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ ที่แกนนำพรรคบางคนร้อนรนอยากเข้าร่วมรัฐบาล เพราะมีภาระอันยิ่งใหญ่บางอย่างติดพันมาจากการเลือกตั้งรอให้ต้องเคลียร์ แถมถูกมองมาตลอดว่าอาจรอแค่จังหวะหรือสถานการณ์บางอย่างเข้าทางเท่านั้น
ไม่เว้นแม้แต่พรรคไทยสร้างไทย ที่ระยะหลังก็เริ่มออกอาการแปลกๆ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของแกนนำคนสำคัญ ที่เลือกสื่อสารประเด็นขังนอกเรือนจำของทักษิณ ชินวัตร แบบเข้าอกเข้าใจ ก็ทำท่าเหมือนแต่งตัวรอร่วมเช่นเดียวกัน
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เพื่อไทยถือไพ่เหนือกว่าพรรคร่วมอื่นๆ ไม่น้อย จนสร้างแรงกดดันอย่างมากให้กับพรรคการเมืองใหญ่ที่ร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน หลังโมเมนตั้มของเพื่อไทย สะกดจนอยู่หมัด แถมสถานการณ์ในพรรคร่วมพรรคนั้น ตอนนี้เริ่มมีแรงกระเพื่อมภายในที่อาจก่อตัวเป็นสึนามิขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ แรงดึงดูดที่มีแบบสมัยก่อน เริ่มจางหายไป
ท่อน้ำเลี้ยงที่เคยสูบฉีดอู้ฟู่ กลับกลายเป็นไหลเอื่อย บางช่วงไหลขาดตอน สภาพคล่องไม่เหมือนเก่า การจะสร้างผลงานโดย สส.ในพื้นที่ เริ่มจะไม่เอื้ออำนวย ของติดไม้ติดมือก็ไม่หนำใจเหมือนก่อน
ทุกอย่างไหลกลับไปที่เพื่อไทย จนมีเค้าว่าจะสร้างพลังดูดทางการเมืองลูกใหม่ เพราะ สส.หลายพรรคเริ่มเหลียวมอง อยากอิ่มเอมความสุขเต็มกระเป๋าเหมือนผู้แทนฯ เพื่อไทย
คนของพรรคการเมืองใหญ่ที่ร่วมรัฐบาลบางพรรค มีความพยายามสื่อสารเพื่อสร้างโมเมนตั้มเชิงบวกให้ตัวเอง ด้วยการให้ข้อมูลในบางโอกาสว่าคนของประชาธิปัตย์ จะมาผนึกกำลังกับพรรคตัวเอง จุดประสงค์สำคัญคงหนีไม่พ้นกำลังต้องการสร้างอำนาจต่อรองนั่นเอง เพราะถ้ายังอยู่เฉยๆ ก็ต้องอยู่ใต้เงาเพื่อไทยแบบนี้ไปตลอด
ทว่าอย่างที่บอกไป คนเป็นนักการเมือง เวลาจะขยับไปทางไหน ย่อมต้องเช็กละเอียดทุกเม็ด หลายคนก็รู้ว่าสถานการณ์ของพรรคร่วมพรรคนั้นที่อยากเพิ่มแรงต่อรองกับเพื่อไทย หมายจะดึงอะไหล่อย่างประชาธิปัตย์มาเสริมทัพ แต่ก็อาจจะไม่ใช่เกมที่ง่าย เพราะลำพังการบริหารจัดการการเมืองในพรรคตัวเองที่คนข้างนอกเคยยกนิ้วว่าเยี่ยม วันนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว
สวนทางพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่เน้นพื้นที่ด้ามขวาน มีทุนหนุนหลังเจ้าเดียวกับเพื่อไทย กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มีเอกภาพขึ้นมาเป็นกอง แกนนำบางกลุ่มที่เคยไม่เข้าพวก ตอนนี้เข้าใจบริบท และนิ่งขึ้นเยอะ เพราะรู้ว่าเกมระยะสั้น ระยะยาวข้างหน้า จะเกิดอะไรขึ้น และจะมีผลเชิงบวกกับพรรคอย่างไร
เสถียรภาพรัฐบาลวันนี้จึงค่อนข้างแน่นปึ๊ก ตามที่เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เคยย้ำแล้วย้ำอีก 314 เสียง เผลอๆ ตั๋วร่วมรัฐบาลในระยะสั้นวันนี้ อาจไม่เหลือให้ใครมาเพิ่ม เว้นแต่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง