เปิด 3 คดีทุจริต ‘ยิ่งลักษณ์’ โจทย์หิน ‘ทักษิณ’ พาน้องกลับบ้าน

สัปดาห์สุดท้ายของปี 2566 ก่อนหยุดยาว ปีใหม่ 2567 สถานการณ์ทางการเมืองยังคง “ร้อนแรง” ข้ามปี

ไม่ว่าจะเป็นกรณีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ยังคาราคาซังเรื่องการทำคำถามประชามติ หรือการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ต้องมาจากการเลือกตั้งหรือไม่ รวมถึงประเด็น “ฝ่ายค้าน” จองกฐินเตรียมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2567 ช่วงต้นปีหน้า

ขณะที่ประเด็นแจก “เงินดิจิทัลวอลเล็ต” ก็ยังคงถูกถามถึงอย่างต่อเนื่อง ว่าจะสำเร็จเป็นรูปธรรมตามที่หาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้งได้หรือไม่

แต่ในรอบปี 2566 ที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันกลายเป็น “นักโทษเด็ดขาด” ในความผิดคดีทุจริต 3 คดี รวมโทษจำคุก 8 ปี ตั้งแต่ ส.ค. 2566 เป็นต้นมา หลังจากนั้นได้รับพระราชทานอภัยโทษเหลือจำคุก 1 ปี แต่ตัวเขากลับไม่เคยเข้าไปอยู่ใน “เรือนจำ” เลยตั้งแต่รับโทษมา

เพราะหลังได้รับคำพิพากษาของศาลฎีกา เขาถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ชั่วดึกคืนวันที่ 21 ส.ค. เขาถูกส่งตัวเข้ารับการรักษา “สารพัดโรค” ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ หลังจากนั้นถูกส่งต่อไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจจนถึงปัจจุบัน ผ่านมากว่า 120 วันเข้าไปแล้ว

ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล กระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ต่างยืนยันว่า ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ขั้นตอนตามกฎหมายทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีบรรดา “นักร้อง” ได้ยื่นเรื่องต่อหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ เพื่อให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า มีการเอื้อประโยชน์แก่ “ทักษิณ” หรือไม่

ประเด็นที่น่าสนใจ เริ่มมีเสียงพูดหนาหูมากขึ้นถึง “นารีขี่ม้าขาว” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หญิงคนแรกของไทย น้องสาว “ทักษิณ” เตรียมเดินทางกลับไทยเพื่อมารับโทษ และหวังว่าจะได้เดินตามรอย “พี่ชาย” เช่นเดียวกัน

ทำเอาสื่อต่างจ่อไมค์ถาม “ครุฑกฎหมาย” วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ถึงประเด็นนี้ โดยเจ้าตัวตอบว่า การขอพระราชทานอภัยโทษมีลำดับคือ 1.ต้องกลับเข้ามาประเทศ 2.ต้องมามอบตัวเป็นนักโทษ แล้วจึงจะถวายฎีกาได้ ถ้าหากยังไม่ได้รับโทษก็ยังถวายฎีกาไม่ได้ จะไม่เรียกว่าฎีกา เพราะฎีกานั้นคือ สิ่งที่นักโทษเด็ดขาดเป็นผู้ถวายขึ้นไป

เมื่อถามว่าขั้นตอนจะเหมือนทักษิณ หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ส่วนจะโปรดเกล้าฯ หรือไม่ แล้วแต่พระมหากรุณาฯ

ดังนั้นเงื่อนไขแรกหาก “ยิ่งลักษณ์” จะกลับไทยคือ ต้องมาขึ้นศาลเพื่อมาฟังคำพิพากษาคดีที่ถึงที่สุดก่อน โดยปัจจุบันมีคดีที่ถึงที่สุดแล้วอย่างน้อย 2 คดี และอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล 1 คดี ได้แก่

กรณีกล่าวหา “ยิ่งลักษณ์” โยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมิชอบ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นหอกเล่มใหญ่ที่ทิ่มแทงเธอมาตั้งแต่ปี 2557 เพราะเป็นคดีที่ทำให้ต้องหลุดจากตำแหน่งนายกฯ จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นหนึ่งในชนวนเหตุรัฐประหารเมื่อ พ.ค. 2557

ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ยกฟ้อง “ยิ่งลักษณ์” ในคดีนี้ เห็นว่าไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ 

โดยศาลพิเคราะห์ตอนหนึ่งว่า กรณีดังกล่าวยังไม่อาจรับฟังได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีเจตนาพิเศษ และรับฟังไม่ได้ว่ามีการโอนย้ายนายถวิล เพื่อให้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่างลง ส่งผลให้ "ยิ่งลักษณ์" พ้นบ่วงไปอีก 1 คดี

ขณะที่คดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายใน โครงการรับจำนำข้าว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 5 ปี โดยคดีนี้ “ยิ่งลักษณ์” เดินทางมาศาลเพื่อมาให้ถ้อยคำ และฟังการไต่สวนครบทุกนัด ยกเว้นวันนัดฟังคำพิพากษาที่ไม่มา ก่อนจะทราบข่าวในช่วงสายวันเดียวกันว่า หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ทำให้ศาลฎีกาฯพิพากษาลับหลังจำเลย พร้อมกับออกหมายจับ และอายุความยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน

ส่วนอีก 1 คดีที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษา ได้แก่ คดีกล่าวหา “ยิ่งลักษณ์” กับพวก และกลุ่มเอกชนว่า เมื่อปี 2556 “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” อนุมัติงบประมาณ 240 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลฎีกา และศาลสั่งออกหมายจับ “ยิ่งลักษณ์” แล้ว

ขณะที่สารพัดคดีร้องเรียน “ยิ่งลักษณ์” ในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช. ข้อมูลที่มีการเปิดเผยตอนนี้ ไม่เหลือคดีค้างใด ๆ แล้ว แม้แต่คดี “ข้าวจีทูจี” ภาค 2 ที่ตอนแรกเธอถูกกล่าวหาพร้อมกับพี่ชาย-พี่สาว “ทักษิณ ชินวัตร - เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” แต่สุดท้าย ป.ป.ช.ได้ยกคำร้องกล่าวหา เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานตามที่ร้องเรียน

เพราะฉะนั้นหาก “ยิ่งลักษณ์” จะเดินทางเข้าไทยน่าจะเหลือเพียงแค่ 2 คดีข้างต้น โดยเฉพาะคดี “จำนำข้าว” ที่พิพากษาจำคุก 5 ปี หลังจากนั้นตามขั้นตอนคือ จะถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ หลังจากนั้นจึงดำเนินกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษได้ เช่นเดียวกับ “ทักษิณ”

เป็นอีกเรื่องใหญ่ที่วัดใจ“ตระกูลชินวัตร-พรรคเพื่อไทย” ในช่วงยัง“เรืองอำนาจ”เป็นรัฐบาล ว่าจะ“กล้าเสี่ยง”เหมือนตอน “ทักษิณ”หรือไม่