ถอดรหัส ‘หมากลับ-ปมร้อน’ รัฐบาล 315 ‘มิตรแท้-มิตรเทียม’

ถอดรหัส ‘หมากลับ-ปมร้อน’  รัฐบาล 315 ‘มิตรแท้-มิตรเทียม’

คำยืนยันจาก“นายกนิด” เศรษฐา ทวีสิน  315 เสียงพรรคร่วมรัฐบาลยังแน่นปึ้ก! ทว่าจับสัญญาณการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นหลังเปิดศักราชปี "งูดุ" แล้ว ทั้งศึกใน-ศึกนอกขั้ว ยังมีอีกหลายช็อตที่ยังต้องลุ้น

แม้น้ำเสียงจาก “นายกนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ที่ตอบคำถามสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. จะยืนยันเสียงแข็ง 314 เสียงพรรคร่วมรัฐบาลยังคงเกาะเกี่ยวเหนียวแน่น(ปัจจุบันรัฐบาลมี315 เสียง คือ314เดิม รวมวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ถูกก้าวไกลขับออกย้ายไปสังกัดพรรคชาติพัฒนากล้า) มิได้สั่นคลอนอย่างที่ “คอการเมือง” บางสำนักทำนายทายทัก

ทว่า เอาเข้าจริง อาจต้องไปลุ้นหลังเปิดศักราช “ปีงูใหญ่ 2567” ซึ่งรัฐบาลยังอยู่ในช่วงที่ต้องกรำศึกหนักหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น “ศึกซักฟอก” ที่อาจต้องเจอเกมไล่ต้อนจากฝ่ายค้านอย่างน้อย 2 ครั้ง ทั้งการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งพรรคก้าวไกลในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้านวางไทม์ไลน์ หวัง“ขยี้แผล” หลังจบศึกอภิปรายงบประมาณ 2567 วาระแรก ในช่วงเดือน ม.ค. ซึ่งเวทีซักฟอกน่าจะเป็นช่วงเดือน เม.ย.ปลายสมัยประชุม 

นอกเหนือจาก “ศึกนอกขั้ว” ที่รัฐบาลจะต้องเผชิญแล้ว ศึกซักฟอกที่กำลังจะเปิดฉากในปีงูใหญ่ จะถือเป็นบทพิสูจน์ “มิตรแท้-มิตรเทียม” รวมถึงเสถียรภาพรัฐบาล 314 เสียงไปในคราวเดียวกันอีกด้วย

ท่ามกลางสัญญาณล้างไพ่ที่จะเกิดในปี “งูใหญ่”  ที่อาจเป็น “งูดุ” นี้เอง หากบรรดา “มิตรเทียม” จะชิงจังหวะ ใช้ “เวทีซักฟอก”เป็น “เวทีซัดน่วม” หวังผลไปที่การ “ปรับ ครม.” ก็คงไม่แปลกอะไรนัก

โดยเฉพาะ“ผลโหวต”ของแต่รัฐมนตรีละคน ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนได้เป็นอย่างดี  ตัวอย่างก็มีให้เห็นมานักต่อนัก 

ไล่ย้อนไปใกล้ๆ ในรัฐบาลชุดที่แล้ว เกิดมหกรรม“แจกกล้วย”  ลากกระเป๋าใบใหญ่ ถือ “ถุงขนม” เข้าสภากันแบบมโหฬารมาแล้ว เช่นนี้จึงทำให้รัฐมนตรีที่แม้จะโดนซักฟอกเหมือนกัน ทว่าแต้มโหวตกลับต่างกันลิบลับในท้ายที่สุด

ถอดรหัส ‘หมากลับ-ปมร้อน’  รัฐบาล 315 ‘มิตรแท้-มิตรเทียม’   

ไม่ต่างจากหลากหลาย “ปมร้อน” ที่กำลังก่อตัวเป็นคลื่นใต้น้ำและอาจสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นนโยบายค่าแรง ซึ่งถือเป็นนโยบายชิ้นโบแดงของพรรคเพื่อไทย 

ฝั่ง “นายกฯเศรษฐา” เคยประกาศกร้าวกลางสภา ในวันแถลงนโยบาย “ปรับค่าแรงขั้นต่ำที่ 400 บาท โดยเร็วที่สุด”

เมื่อตัดภาพมาที่ภูมิใจไทย “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รมว.แรงงาน กลับพูดถึงเรื่องนี้ว่า “ในปีนี้ มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างแน่นอน แต่อาจไม่ใช่ 400 บาททั่วประเทศ”

กระทั่งที่ประชุม ครม.ล่าสุด 26 ธ.ค. มีมติรับทราบตามมติของไตรภาคี ที่ให้มีการปรับค่าแรงทั่วประเทศ 2-16 บาท

ทั้งที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. “นายกฯเศรษฐา” แสดงท่าทีขึงขัง ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นในเรตดังกล่าว วันนั้นนายกฯ ยังพูดเสียด้วยซ้ำว่า “ต้องขึ้นไปสูงกว่านี้ ยกตัวอย่าง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้น 2-3 บาทซื้อไข่ลูกหนึ่งยังไม่ได้”

เช่นนี้ จึงต้องจับตา“คลื่นใต้น้ำ” ที่อาจกำลังก่อตัว ในวันที่กระทรวงแรงงานอยู่ในโควตา “พรรคร่วมรัฐบาล” ปฏิบัติการริบคืนโควตา “จับกัง 1” กลับมาอยู่ในการดูแลของพรรคแกนนำอย่างพรรคเพื่อไทย ก็อาจเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าไม่นาน หลังจากนี้เป็นได้

ถอดรหัส ‘หมากลับ-ปมร้อน’  รัฐบาล 315 ‘มิตรแท้-มิตรเทียม’

 

อีกหนึ่งปมร้อนที่ต้องจับตา เพราะอาจกลายเป็นเกมเอาคืนกันระหว่าง “เพื่อไทย”  และ “ภูมิใจไทย”  นั่นคือ การคืนชีพ “กฎหมายกัญชาฯ” ที่แท้งกลางสภาฯ ชุดที่แล้ว อาจหวนคืนมาอีกครั้ง

อย่างที่รู้กันว่า “นโยบายกัญชา” ถือเป็นนโยบายเกรดเอ ที่ภูมิใจไทยนำมาประโคมโหมโรงในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

ก่อนหน้านี้ “ลูกพรรคสีน้ำเงิน” อย่าง “สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง” สส.กระบี่ เป็นคนแรกที่ออกมาพูดเรื่องการปัดฝุ่น พ.ร.บ.กัญชา ร่างเดิม 94 มาตราเข้าสภา

หากยังจำกันได้ “สส.สฤษฏ์พงษ์” ผู้นี้ คือหนึ่งใน สส.ที่ออกมาแสดงความเห็น “คัดค้าน” โครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายชิ้นโบแดงของพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางการจับตาไปที่การ “ส่งบท” ของบิ๊กสีน้ำเงินหรือไม่อย่างไร ​​

ยิ่งไปกว่านั้น “สฤษฏ์พงษ์” คนเดียวกันนี้ ยังมีหมวกอีกหนึ่งใบ นั่นคือประธาน กมธ.แรงงาน สภาผู้แทนราษฎร โดยก่อนหน้านี้เขาออกมาพูดถึงการแก้ปัญหาค่าแรง เทียบกับอดีตที่กระทรวงแรงงาน ยังเป็นกรมแรงงานในกระทรวงมหาดไทย 

วันนั้น เขายังเสนอด้วยว่า ให้มีการเปลี่ยนระบบไตรภาคี เป็นพหุภาคี หรือรูปแบบใหม่ ๆ รวมถึงการจัดตั้งสภาแรงงานจังหวัด

 เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีคำถามว่า แล้วกระทรวงมหาดไทยซึ่งกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เวลานี้เป็นของพรรคภูมิใจไทย จะมีบทบาทในเชิงอำนาจมากน้อยเพียงใด 

 ทำไปทำมา ทั้ง “นโยบายค่าแรง” ของพรรคเพื่อไทย และ “นโยบายกัญชา”ของภูมิใจไทย จากที่เป็นนโยบายที่ต่างฝ่ายต่างชูเป็นนโยบายหาเสียง และเป็นคนละเรื่องกัน จะกลายเป็นนโยบายที่ทั้ง 2 พรรคหยิบ ยกมาเป็นเงื่อนไขต่อรองทางการเมืองต่อจากนี้

ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่า ในช่วงกลางปีหน้า จะมีอีกหนึ่งหมากตัวสำคัญนั่นคือ “250 เสียงสภาสูง” ที่จะหมดวาระ นับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.2567 เป็นต้นไป สถานการณ์นี้ย่อมส่งผลให้พรรคการเมืองที่เคยมีอำนาจต่อรอง ต้องสูญเสียอำนาจตามไปด้วย 

ฉะนั้นจึงไม่แปลก หากพรรคแกนนำจะชิงหักดิบ ด้วยการ “ปรับ ครม.” ริบคืนโควตาบางกระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงเกรดเอบวก ซึ่งเป็นที่หมายปองของบรรดาบิ๊กเนม และนายทุน ให้กลับมาอยู่ในครอบครอง

ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้แม้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเป็นแหล่งรวมของ 11 พรรคการเมือง แต่ต้องไม่ลืมว่า ยังมีอีกหนึ่ง“พรรคอะไหล่”ที่ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล แต่ถูกจับตาว่าอาจเป็นหมากตัวสำคัญ นั่นคือพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังการรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” และกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย 

โดยเฉพาะแกนนำพรรคบางคน ซึ่งมีความฝันอยากมีตำแหน่งพ่วงท้าย ด้วยคำว่า “รมว. ...” หรือ “รมช. ...” เป็นอย่างน้อย 

ถอดรหัส ‘หมากลับ-ปมร้อน’  รัฐบาล 315 ‘มิตรแท้-มิตรเทียม’

 ฉะนั้น เกมอำนาจที่กำลังเกิดขึ้นในขั้วรัฐบาลเวลานี้ แม้ “นายกฯเศรษฐา” จะออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง ยืนยันว่าเอกภาพยังแน่นปึ้ก! ส่วนเรื่องดึง ปชป.เข้าร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องอนาคต

แต่ถึงเวลาจริง ยังต้องไปลุ้นอีกหลายด่านที่จะเกิดขึ้น และอาจไม่ได้มีแค่เกมอำนาจในขั้วรัฐบาล แต่ยังรวมไปถึงเกมนอกขั้ว ที่อาจเกิดจุดพลิกผันสำคัญ 

โดยเฉพาะสัญญาณ“ยุบพรรคก้าวไกล” ที่แม้ท่าทีจาก“บิ๊กสีส้ม” ทั้ง  “พิธาลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และ “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรค จะยังคงเชื่อมั่นทั้งในแง่ของคำร้อง ที่เพียงแค่ขอให้หยุดการกระทำ หรือในแง่กระบวนการแก้กฎหมายที่ไม่เข้าข่ายยุบพรรค 

ทว่า สัญญาณจาก “บิ๊กเนมรัฐบาล”ยามนี้ ยังไม่เลิกล้มความคิดในการช้อน“ผึ้งสีส้ม” ที่อาจแตกรังรอบใหญ่ หากมีการยุบพรรค หวังสร้างแต้มต่อรองเกมอำนาจที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ 

 โดยเฉพาะ “บิ๊กสีน้ำเงิน” ถึงขั้นโชว์ตัวเลขที่มีอยู่ในมือ “80+” ท้าทาย หากถูกเตะออกจากสมการพรรคร่วมรัฐบาล บางกระแสพูดไปถึงขั้นว่า บิ๊กเนมชูตัวเลขที่อาจแตะร้อย หวังสร้างแต้มต่อรอง โดยเฉพาะสูตรปรับ ครม.ริบคืนโควตาบางโควตา 

"เพื่อไทย"ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล ย่อมรับรู้ถึงสัญญาณต่อรอง จึงต้องแก้เกมด้วยการขู่ดึง"ประชาธิปัตย์”มาเป็น“พรรคอะไหล่” หวังกำราบทั้งภูมิใจไทย และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไปในคราวเดียวกัน!