‘รทสช.’ วาง 8 อรหันต์ ‘โปลิตบูโร’ เดินเกมนำทัพ
การตั้งเป้าหมายใหญ่ และเดินหน้าต่อของรวมไทยสร้างชาติ ยังมีบทพิสูจน์ระหว่างทางหลายอย่างให้พบเจอ ไม่ต่างจากทุกพรรคการเมือง ที่มุ่งถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในทุกการเลือกตัังนั่นเอง
นับตั้งแต่การเลือกตั้งปี 66 ผ่านพ้นไป หลายพรรคการเมืองในปีกที่ร่วมรัฐบาลขณะนี้ เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในแตกต่างกันไป
หลายพรรคการเมืองจากที่เคยอยู่ในช่วงกราฟขาขึ้น มาวันนี้ก็เริ่มดิ่งหัวลงตามๆ กัน ดูได้จากบรรยากาศภายในและอารมณ์ความรู้สึกของคนในแต่ละพรรค มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป
พรรคการเมืองน้องใหม่ที่เพิ่งตั้งขึ้นมารองรับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา อย่าง “รวมไทยสร้างชาติ” ก็เผชิญความเปลี่ยนแปลงไม่ต่างกัน
เมื่อผลลัพธ์ที่คาดไม่เป็นไปตามที่หวัง การไปต่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดสะดุด อำนาจถึงคราวต้องเปลี่ยนมือ จนต้องประกาศยุติบทบาททางการเมืองในที่สุด
ทำเอาคนในรวมไทยสร้างชาติ รุ่นเล็กรุ่นใหญ่เกิดความความสับสน รู้สึกถึงความไม่แน่นอนขึ้นมาทันที ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ในวันที่ผู้นำของตัวเอง ซึ่งมีความนิยมในฝ่ายอนุรักษนิยมตัดสินใจวางมือ
กว่าทุกอย่างในพรรคจะเข้าที่เข้าทาง ก็ใช้เวลาอยู่พอสมควร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะบุรุษคนสำคัญ และขุนพลการเมือง ได้วางเป้าหมายถัดไปในการขับเคลื่อนพรรคเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อลบคำสบประมาทว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจ
อย่างน้อยแบรนด์ดิ้งของพรรคและ ป.ประยุทธ์ ยังมีความเชื่อมโยงกันอยู่วันยังค่ำ ตัดอย่างไรก็ไม่ขาด แม้วันนี้อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่29 จะขยับไปเป็นองคมนตรีแล้วก็ตาม
คีย์แมนคนสำคัญของพรรคน่าจะมองเห็นโอกาสในกระดานการเมืองหมากต่อไป ในจังหวะที่ประชาธิปัตย์กำลังระส่ำจากภาวะช่วงชิงการนำพรรคจนไร้เอกภาพ ภูมิใจไทย ที่เผชิญภาวะสภาพความคล่องตัวภายในไม่เหมือนเก่า พลังประชารัฐ เองก็สุ่มเสี่ยงในเรื่องทิศทางความเชื่อมั่น และความชัดเจนในการขับเคลื่อนพรรคต่อไป
ทั้ง 3 พรรคที่ว่ามาจึงมีความสุ่มเสี่ยงจะเกิดภาวะเลือดไหล โอกาสจึงเปิดกว้างสำหรับเพื่อไทย และรวมไทยสร้างชาติ อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะพรรคการเมืองหลัง ที่การบริหารจัดการภายในกำลังเข้าที่เข้าทาง พร้อมทุกขุมกำลัง แนบชิดเครือข่ายอำนาจในหลากมิติ ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้สามารถสร้างแรงดึงดูดทางการเมืองให้กับนักเลือกตั้งได้เป็นอย่างดี
การจัดทัพล่าสุด ของรวมไทยสร้างชาติ นอกเหนือจากคณะกรรมการบริหารพรรค ยังมี 8 อรหันต์ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ หรือที่เข้าใจง่ายๆ คือลักษณะคล้ายโปลิตบูโร ประกอบด้วย 1.สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตรองนายกฯ และรมว.พลังงาน เป็นประธาน 2.เอกนัฏ พร้อมพันธ์ุ เลขาธิการพรรค 3.เสี่ย อ. ตัวละครลับ สายตรงบุรุษคนสำคัญ 4.เสธ ม. คนใกล้ชิดอดีตนายกฯ
5.มาดามออย พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ อีกหนึ่งสายตรงบุรุษคนสำคัญ 6.สุชาติ ชมกลิ่น อดีตรมว.แรงงาน 7.ลูกหมี ชุมพล จุลใส ตัวแทนบ้านใหญ่ชุมพร และ 8.จุติ ไกรฤกษ์ ตัวแทน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค
ยุทธศาสตร์สำคัญ นอกจากเรื่องปัจจัยสนับสนุนและทรัพยากรต่างๆ ที่ต้องใช้ในการเลือกตั้งแล้ว การกระชับพื้นที่ในฐานเสียงจังหวัดสำคัญของรวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นภารกิจที่ได้รับการต่อยอดจากส่วนกลางลงไปอย่างต่อเนื่อง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยความสำเร็จทางการเมือง คือการมี สส.เขต ที่เชื่อมือได้ในทุกสถานการณ์
การตั้งเป้าหมายใหญ่ และเดินหน้าต่อของรวมไทยสร้างชาติ ยังมีบทพิสูจน์ระหว่างทางหลายอย่างให้พบเจอ ไม่ต่างจากทุกพรรคการเมือง ที่มุ่งถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในทุกการเลือกตั้งนั่นเอง