'รัฐบาล' แจงนโยบายลดค่าไฟฟ้า ไม่ทำให้เกิดปัญหาการเงิน กฟผ.
"รองโฆษกรัฐบาล" แจง นโยบายลดค่าไฟฟ้า ไม่ทำให้เกิดปัญหาการเงิน กฟผ. ยันมีเงินบริหาร รัฐบาลช่วยแบกรับภาระ วอนฝ่ายค้านนำข้อมูลที่เหมาะสมมาใช้อภิปราย เพื่อไม่สร้างความตระหนกให้สังคม
5 ม.ค.2567 นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่มีฝ่ายค้านอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 มีการนำข้อมูลพาดพิงเรื่องที่ รัฐบาลลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนทำให้เป็นปัญหาการเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) โดยเรื่องนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ชี้แจงไปแล้ว เป็นการนำข้อมูลที่เป็นเพียง “ข้อมูลคาดการณ์” ณ ตุลาคม 2566 มาอภิปรายในสภา ซึ่งไม่ใช่ข้อมูล “เกิดขึ้นจริง” ณ เวลานี้
นางรัดเกล้า ย้ำว่า ข้อมูลตัวเลขต่างๆ ที่ รมว.พีระพันธุ์ นำมาชี้แจงเพื่อสร้างความกระจ่างให้กับสังคมนั้น ได้นำมาจากรองผู้ว่าการ กฟผ. ฝ่ายการเงิน หรือ CFO ที่ให้ข้อมูลตอนที่นำงบการเงินปี 2564 -2565 ของ กฟผ. รายงานต่อ ครม. เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 67 ซึ่งชี้ชัดในข้อเท็จจริงจากสถานะการเงิน ณ สิ้นปี 2566 กฟผ. มีเงินสดในมือประมาณ 91,000 ล้านบาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่ ณ เดือนมกราคม 2567 เพียงหนึ่งเดือนให้หลังกระแสเงินสดของ กฟผ. ก่อนหักค่าใช้จ่ายจะเหลือเพียง 39,234 ล้านบาท
ส่วนมาตรฐานทางการเงินของ กฟผ. นั่นจะต้องคงสถานะเงินสดไม่ให้ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท หากเมื่อใดมีแนวโน้มว่าจะลดต่ำลงกว่ามาตรฐานนี้ กฟผ. จะดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ทันที
ขณะที่ค่าไฟฟ้าจะอยู่ระหว่าง 4.15 ถึง 4.20 บาท / หน่วย ตั้งแต่มกราคมถึงเมษายน 2567 และเพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ที่รัฐบาลคงไว้ที่ 3.99 บาท / หน่วย ทั้งสิ้นนั้น รัฐบาลเป็นผู้แบกรับภาระจากเงินงบกลางเป็นเงินประมาณ 1,995 ล้านบาท จึงไม่เป็นภาระของ กฟผ. ฝ่ายเดียว นอกจากนี้รัฐบาลมีการบริหารจัดการและช่วยดำเนินการในหลายรูปแบบ โดยในครั้งนี้รัฐบาลมีการปรับโครงสร้าง Pool Gas และให้ กกพ. เรียกเก็บค่า Shortfall มาลดภาระ รวมทั้งใช้เงินงบกลางเข้ามาช่วยลดภาระ กฟผ. ด้วย
สำหรับการชำระหนี้เดิมที่มีกับ ปตท.นั้น กฟผ.ได้ชำระหมดสิ้นแล้วตั้งแต่มกราคม 2566 ทั้งปีนั้น กฟผ. ไม่ได้ติดหนี้อะไร ปตท. เพิ่มเติม เพราะมีการชำระหนี้ให้ ปตท. ตามกำหนดเวลาตลอดมา จึงไม่มีหนี้สินอะไรกับ ปตท. อีกแล้ว รวมถึงการส่งรายได้ให้รัฐของ กฟผ.สำหรับปี 2566 นี้ประมาณ 24,000 ล้านบาท ไม่ใช่ 17,142 ล้านบาท แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของ กฟผ. ด้วยว่าขนาดอัตราค่าไฟฟ้าลดลง แต่ กฟผ. ยังสามารถนำส่งรายได้สูงกว่า “ข้อมูลคาดการณ์” ที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
“เรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ชี้แจงกับประชาชนเพื่อให้เข้าใจถึงข้อมูลปัจจุบันที่ถูกต้องและเป็นจริงแล้ว ขอสื่อและประชาชนฟังข้อมูลจากทางภาครัฐ ก่อนปักใจเชื่อ ไม่อยากให้เกิดความตื่นตระหนก
ขณะเดียวกันวอนสมาชิกฝ่ายค้านควรนำข้อมูลที่ถูกต้องในการอภิปรายในสภาฯ เนื่องจากการอภิปรายครั้งนี้มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ประชาชนจะได้ไม่เข้าใจผิด วิตกกังวล โดยไม่จำเป็น” รัดเกล้า กล่าว