‘เรืองไกร’ ข้องใจ เงินฝาก ‘เศรษฐา’ 68.9ล้าน ดอกเบี้ยรับ 13.15บ.น้อยไปไหม
“เรืองไกร” ส่งหนังสือถาม ”เศรษฐา“ ปม บัญชีทรัพย์สินที่ยื่น ”ป.ป.ช.“ ตอนรับตำแหน่งนายกฯ ดอกเบี้ยรับแค่ 13.15 บ. ทั้งที่มีเงินฝาก 47 บัญชี มูลค่าเฉียด 69 ล้าน น้อยไปหรือไม่ ข้องใจอยากรู้ข้อเท็จจริง
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ทำหนังสือสอบถามถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ผ่านทางไปรษณีย์ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงกรณีนายกฯ ได้ดอกเบี้ยรับต่ำเกินไปหรือไม่ สืบเนื่องจากการที่นายเศรษฐา แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. โดยแจ้งรายการดอกเบี้ยรวมไว้เพียง 13.15 บาท
ทั้งนี้ นายเรืองไกร ระบุว่า เมื่อวันที่7ม.ค.67 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวตอนหนึ่งว่า กำไรสูงลิ่วของแบงค์มาจากอะไร มาจากการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ หรือ NIM หมายความว่าในขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น แบงค์ก็ขยับส่วนต่างของดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ของแบงค์ไทยเพิ่มขึ้นจากเดิม จ่ายดอกเบี้ยเงินฝากน้อยๆ แต่ให้กู้แพง ทำให้กำไรแบบง่ายๆ
นายเรืองไกร ระบุว่า คำว่าจ่ายดอกเบี้ยน้อยๆ ทำให้นึกถึงบัญชีที่นายเศรษฐา ยื่นต่อป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี วันที่5 ก.ย.66 โดยนายเศรษฐา ยื่นรายได้ต่อปีโดยประมาณ ที่เป็นรายการดอกเบี้ยรวมไว้เพียง 13.15 บาท แต่ยื่นบัญชีว่ามีเงินฝากรวม 68,986,558.77บาท มีทั้งสิ้น47บัญชี
“กรณีเงินฝากรวมดอกเบี้ยของนายเศรษฐา จึงขอทราบข้อเท็จจริงจากนายกรัฐมนตรีว่า ดอกเบี้ยรับนั้น ท่านได้รับเพียงเท่าที่แจ้งไว้จริงหรือไม่ เหตุใดจึงได้รับน้อยมาก เมื่อเทียบกับเงินฝากรวมที่แจ้งไว้ 68,986,558.77 บาท แต่ทำไมแจ้งดอกเบี้ยรับเพียง 13.15 บาท” นายเรืองไกร ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา มีภารกิจลงพื้นที่ จ.ระนอง ตรวจราชการและการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 ระหว่างวันที่ 22-23 ม.ค.นี้ โดยเดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานระนอง ตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง เมื่อช่วงเวลา 09.30 น. ที่ผ่านมา