‘พิธา’ รอด-ร่วง สมการเปลี่ยน ศาล รธน.ชี้ชะตาหุ้นสื่อวันนี้
ลุ้นบ่ายวันนี้! ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตาคดีหุ้นสื่อ ‘พิธา’ รอดหรือร่วง จับตาสมการการเมืองเปลี่ยน จะได้กลับสู่สภาฯ นำก้าวไกลหรือไม่ แต่หากผลทางลบ ลุยการเมืองนอกสภา รอเลือกตั้งสมัยหน้า
KeyPoints
- ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีหุ้นสื่อไอทีวี "พิธา" บ่ายวันนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาเชิงบวกหรือลบ สมการการเมืองไทยเปลี่ยน
- ถ้ารอด เตรียมกลับเข้าสภาฯทันที นำทัพ "ก้าวไกล" ลุยอภิปราย 25 ม.ค.นี้
- ถ้าร่วง ลุยการเมืองนอกสภาฯ รอเลือกตั้งสมัยหน้า
- จะคัมแบ็กมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลอีกรอบหรือไม่ ให้ที่ประชุมใหญ่ชี้ขาด เม.ย.นี้
24 ม.ค.2567 เป็นอีกวัน ที่สปอร์ตไลต์ทางการเมือง ต่างฉายแสงไปที่ ศาลรัฐธรรมนูญ
เนื่องจากนัดฟังคำวินิจฉัย คดีกล่าวหา “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เข้าข่ายเป็นการถือครอง “หุ้นสื่อ” ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 98 (3) ต้องพ้นเก้าอี้ สส.หรือไม่
คดีนี้เรียกได้ว่าเป็น “มหากาพย์” ยาวนานตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุด หรือตั้งแต่กลางปี 2566 เป็นต้นมา เมื่อผู้สมัคร สส.พรรคภูมิใจไทย “เปิดแผล” ผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า มีหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง ถือครอง “หุ้นไอทีวี” จำนวน 42,000 หุ้น กระทั่งนำไปสู่การสืบสาวราวเรื่อง และ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ขณะนั้น ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบ “พิธา” เนื่องจากพบว่า มีชื่อถือครองหุ้นไอทีวีดังกล่าว จำนวน 42,000 หุ้นจริง
โดยการถือครองหุ้นไอทีวีของ “พิธา” นั้น เจ้าตัวถือครองตั้งแต่ก่อนสมัครรับเลือกตั้ง 2566 จนถึงหลังการสมัครรับเลือกตั้งปลายเดือน มี.ค. 2566 จนถึงก่อนวันเลือกตั้ง 2566 ก็ยังถือครองอยู่ เท่ากับว่า ข้อพิสูจน์ของ “พิธา” เหลือแค่ “หุ้นไอทีวี” ยังคง “ทำสื่อ” อยู่จริงหรือไม่
ในช่วงระหว่างเดือน พ.ค.-ก.ค. มีการเปิดเผยพยานหลักฐานโต้กลับกันไปมา ระหว่าง “กลุ่มนักร้อง” และ “พรรคก้าวไกล” แม้แต่ “ชัยธวัช ตลาธน” ขงเบ้งสีส้ม เมื่อครั้งสวมหมวก “เลขาธิการพรรค” ยังต้องแถลงข่าวชี้แจง โดยนำคลิปการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวีประจำปี 2566 ซึ่งถูกเผยแพร่โดยรายการ “ข่าวสามมิติ” ว่า สวนทางกับบันทึกการประชุม
นอกจากนี้ ยังงัดหลักฐานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่า มีข้อพิรุธหลายประการ พร้อมกับชี้ให้เห็นว่า มีความพยายาม “ปลุกผี” ไอทีวีให้กลับมาเป็นสื่ออีกครั้ง เพื่อหวังผลทางการเมืองหรือไม่
กระทั่ง กกต.ส่งเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาเมื่อ 19 ก.ค. 2566 โดยมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง สั่งให้ “พิธา” หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น
คดีนี้ถูกนำไปเทียบเคียงกับกรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้น สส. กรณีถือครองหุ้นสื่อในบริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด ประกอบกิจการสื่อสิ่งพิมพ์ โดยศาลเห็นว่า แม้บริษัทดังกล่าวจะแจ้งเลิกกิจการไปแล้วก็ตาม แต่ยังไม่เสร็จชำระบัญชี จึงอาจมีสิทธิรื้อฟื้นกลับมาทำกิจการสื่อได้อีก
นอกจากนี้ ยังมีข้อพิรุธในเรื่องการโอนหุ้นดังกล่าวหลายประการ จึงทำให้ “ธนาธร” พ้นสมาชิกภาพ สส. หลังจากนั้นพรรคอนาคตใหม่ถูก “ยุบพรรค” เนื่องจากการปล่อยเงินกู้ของ “ธนาธร” ทำให้ “พรรคส้ม” แปลงกายเป็น “พรรคก้าวไกล” ในปัจจุบัน
ปัจจุบันผ่านมาราว 6 เดือนนับตั้งแต่หยุดปฏิบัติหน้าที่ “พิธา” ยังคงมั่นใจว่าจะรอดพ้นบ่วง “คดีหุ้นสื่อ” ได้ ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น คำชี้แจงจาก กสทช.ระบุว่า ไอทีวี มิใช่สื่อเนื่องจากไม่ได้รับใบอนุญาตให้ออกอากาศ รวมถึงคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ที่ฟ้องร้องกันเรียกค่าเสียหายกันระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) และไอทีวี ชี้ให้เห็นว่า “ไอทีวี” มิได้ทำกิจการสื่อ รวมถึงการถือครองหุ้นดังกล่าวของ “พิธา” เป็นการถือในฐานะ “ผู้จัดการมรดก” มิใช่ถือโดยส่วนตัว และปัจจุบันหลังเกิดเรื่องราวขึ้น ได้โอนหุ้นดังกล่าวให้แก่ “น้องชาย” ไปแล้ว
โดย “พิธา” ให้สัมภาษณ์กับกองบรรณาธิการเครือเนชั่นเมื่อไม่นานมานี้ ยืนยันว่า จะผ่านพ้นคดีนี้ไปได้ด้วยดี หากผลออกมาในทางลบ จะไม่หาช่องให้ตัวเองกลับเข้าไปเป็นในสมัยนี้ แต่จะรอการเลือกตั้งสมัยหน้า โดยจะเน้นการทำงานการเมืองนอกสภาฯ
อย่างไรก็ดี หากศาลยกคำร้อง จะเข้าสภาฯ เพื่อร่วมอภิปรายในวันที่ 25 ม.ค.ในทันที ส่วนจะได้ “คัมแบ็ก” กลับมานำพรรคก้าวไกลอีกหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ประชุมใหญ่สามัญของพรรคชี้ขาด ในช่วงเดือน เม.ย. 2567
ขณะที่ “ชัยธวัช” ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น แล้ว“พิธา”พ้นบ่วงคดีหุ้นสื่อ ก็พร้อมจะชงชื่อเขากลับไปชิงเก้าอี้นายกฯ อีกครั้งด้วย
ดังนั้นวันนี้ 24 ม.ค.2567 จึงเป็นอีกวันที่ชี้ชะตาอนาคต “พิธา”ว่าจะไปอยู่จุดในไหนสมการเมือง ถัดจากนี้