ก้าวไกล ยัน แก้ม.112 ไม่ใช่ 'เซาะกร่อนบ่อนทำลาย' ชี้ปมเสี่ยงปัญหาทางดุลยภาพ
ก้าวไกล แถลงยัน แก้ม.112 ไม่ใช่เจตนา "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย" ชี้คำวินิจฉัยศาลปมเสี่ยงปัญหาทาง "ดุลยภาพ" ประชาธิปไตย
ที่รัฐสภา ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พรรคก้าวไกล กรณีเสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ..เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
ในเวลา16.00 น.นายพิธา ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค พร้อมสส.พรรคร่วมกันแถลงข่าวหลังศาลมีคำวินิจฉัย
โดยนายชัยธวัช กล่าวว่า แม้ว่าศาลจะวินิจฉัยว่าการกระทำพรรคก้าวไกลเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง แต่พรรคก้าวไกลขอยืนยันอีกครั้งว่า เราไม่ได้มีเจตนาเพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลายหรือแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ ออกจากชาติแต่อย่างใด
นอกจากนี้เรายังกังวลว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเมืองไทยในระยะยาวเช่น อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่าง ฝ่ายนิติบัญญัติกับศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต อาจจะกระทบต่อความเข้าใจของประชาชนต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
นายชัยธวัช ยังกล่าวว่า ปัญหาการตีความในประเด็นการล้มล้างการปกครอง ที่มีความเข้าใจหลักเกณฑ์ที่ไม่ตรงกัน คำวินิจฉัยวันนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาทางดุลยภาพระหว่างประชาธิปไตยและสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบการเมืองไทยในอนาคตและอาจทำให้สังคมไทยสูญเสียโอกาสในการใช้ระบบรัฐสภาในการหาข้อยุติความขัดแย้ง หรือข้อคิดเห็นที่แตกต่างในสังคมในอนาคต
สุดท้ายคำวินิจฉัยวันนี้อาจส่งผลให้สถาบันพระมหากษัตริย์ กลายเป็นปมปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยและส่งผลในด้านลบอีกด้วย
"พรรคขอขอบคุณทุกกำลังใจอย่างไรก็ตามคำวินิจฉัยวันนี้จะไม่ได้กระทบเฉพาะพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่จะกระทบต่อความเป็นประชาธิปไตยของประเทศและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่แค่พรรคก้าวไกล แต่เป็นเรื่องของพวกเราทุกคนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข"