‘เศรษฐา’ ฝาก ‘กนง.’ พิจารณา ลดดอกเบี้ย กระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเข้าภาวะเงินฝืด
“เศรษฐา“ ชี้ จะขึ้นดอกเบี้ย หรือไม่ลดดอกเบี้ย ต้องดู “เงินเฟ้อ” จากการใช้จ่าย ถ้าไม่มีแสดงว่าปลอดภัย ลดได้แล้ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลัง เข้าภาวะเงินฝืด วอน ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ อย่าทิฐิ ฝาก กนง. พิจารณา
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสที่จะนัดคุยกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในมิติต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ว่า ขออนุญาตเรียนว่าจริงๆ แล้วเรื่องนโยบายการเงินการคลังเราคุยผ่านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เรื่องตัวเลขเหล่านี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้อธิบายแล้ว เรื่องตรรกะเงินเฟ้อที่มาได้อย่างไร เรื่องที่เรามีมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนลดค่าใช้จ่ายมาอย่างไร ตนขออนุญาตเรียนว่าจริงๆ แล้วเรื่องเงินเฟ้อกับดอกเบี้ยเป็นเรื่องใหญ่ แต่เราอย่าลืมว่าจริงๆ แล้วเงินเฟ้อที่มันติดลบส่วนหนึ่งเกิดจากที่เรามีมาตรการรัฐออกไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเพื่อลดรายจ่าย นั่นแสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วตรงนี้ประเด็นเรื่องเงินเฟ้อไม่มี ถ้าจะมีเกิดจากรากปัญหาคือ ต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น แต่เมื่อเราไปคุมตรงนั้นได้เงินเฟ้อก็ไม่มี
นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้มาตรการที่จะขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ลด ต้องดูที่เงินเฟ้อที่เกิดจากดีมานด์พูลคือ เกิดจากการใช้จ่าย แสดงว่าดีมานด์มันไม่มี เงินเฟ้อไม่มี ถ้าตรงนี้ไม่เกิดแสดงว่าปลอดภัยหรือเปล่าที่จะเลิกลดดอกเบี้ยได้แล้วเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าเกิดลดดอกเบี้ยมาแล้วเกิดมีปัญหาเรื่องของดีมานด์ซึ่งมันเยอะอยู่แล้วก็อาจจะก่อให้เกิดเงินเฟ้อได้ แต่อย่างนี้ตนคิดว่าดูจากตัวเลขทั้งสองฝ่ายแล้ว คอสพุชหรือเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาแพงที่เกิดขึ้นมาในอดีต จริงๆ แล้วตรงนี้ตนเชื่อว่าพื้นที่ในการลดดอกเบี้ยมีอีกเยอะมาก
”ฉะนั้นเรื่องการพูดคุยเราได้มีการพูดคุยกันชัดเจนอยู่แล้ว คงเป็นเรื่องความเห็นต่างหรือเรื่องทิฐิ ผมไม่ทราบ แต่มันชัดเจนอยู่แล้วที่เงินเฟ้อติดลบติดต่อกันมา 4 เดือนแล้ว เรื่องมาตรการที่เราพยายามช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการลดรายจ่าย ลดค่าไฟ ลดค่าน้ำมันต่างๆ รวมถึงการพักชำระหนี้ต่างๆ มันเป็นการบรรเทารายจ่ายของพี่น้องประชาชน เรื่องที่เราไม่สามารถใช้งบประมาณได้ จนกระทั่งเดือนพ.ค.นี้ ตอนนี้รัฐบาลขับเคลื่อนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้โดยนโยบายอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นนโยบายวีซ่าฟรี การกระตุ้นการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติที่จะมาลงทุน เป็นการใช้นโยบายอย่างเดียว ฉะนั้นเราต้องการให้มีการลงทุนเกิดขึ้นเพื่อเกิดการจับจ่ายใช้สอย ดังนั้น การลดดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญ เพราะรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญ พวกเราทุกคนยืนอยู่ตรงนี้รู้อยู่แล้วดอกเบี้ยเป็นภาระค่าใช้จ่ายขนาดไหน หากลดดอกเบี้ยไป เรื่องการจะเกิดเงินเฟ้อผมว่าความเสี่ยงเกือบไม่มีเลย ตรงนี้ชัดเจนอยู่แล้ว“ นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามาตรการของแบงก์ชาติที่ออกมาแต่ละครั้งมองเป็นการกระตุกแขนกระตุกขารัฐบาลที่จะออกนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าตรงนี้สื่อมวลชนคงต้องไปพิจารณาเองก็แล้วกัน แต่ตนเชื่อว่าเราน่าจะทำงานด้วยกันต่อไปได้อย่างที่นายภูมิธรรม พูดไปคำแรกเลยว่านโยบายการเงินการคลังต้องไปพร้อมกัน ต้องไปด้วยกัน ต้องควบคู่กันไป และวันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วเรื่องประเด็นกรอบเงินเฟ้อที่ตอนนี้ยังติดลบอยู่ ยังไม่อยู่ในจุดขั้นต่ำของกรอบเงินเฟ้อที่ตั้งไว้ ฉะนั้น 2.5% ลดลงไปเหลือ 2.25% ก็ยังมีพื้นที่อีกเยอะ ถ้าเกิดมีวิกฤติหรืออะไรเกิดขึ้นก็ยังสามารถลดลงไปได้อีกเยอะมาก วันนี้ทำไมเราถึงไม่เริ่มทำกัน
เมื่อถามว่าจะทำยังไงให้ความเห็นที่ต่างลงตัวกันได้ นายกฯ กล่าวว่า นี่ก็มีการพูดคุย เจอครั้งล่าสุดผู้ว่าฯ ธปท. ก็ได้ระบุว่ามีอะไรก็ได้มีการสื่อสารผ่าน สศค. อยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรามีการคุยกันอยู่ตลอดอยู่แล้ว การสื่อสารเป็นการพูดจากันอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้มีการก้าวร้าว ตรงนี้เป็นบทพิสูจน์อยู่แล้ว ตัวเลขก็เห็นด้วยกันและไม่มีใครมาถกเถียงว่าตัวเลขที่มันติดลบมาเป็นตัวเลขที่ไม่จริงไม่ตรงกัน ตัวเลขมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ฉะนั้นก็ยอมรับมาว่าจริงๆ แล้วเงินเฟ้อมันไม่ใช่ปัญหาเลย ตอนนี้ปัญหาคือ ว่ามันเป็นดีเฟชั่นหรือเงินฝืดแล้ว ฉะนั้นตนเชื่อว่าเรื่องการลดดอกเบี้ยมันถึงเวลาแล้ว ก็ฝากไว้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะต้องมีการประชุมกัน
เมื่อถามว่า ได้วันประชุมชุดใหญ่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะเช็กวันแจ้งมา คิดว่าน่าจะเป็นกลางสัปดาห์หน้า เมื่อถามว่า เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะเดินหน้าไปโดยไม่รอหนังสือจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกฯ กล่าวว่า เดินหน้าคู่ขนานกันไป และหวังว่าเดี๋ยวคงมีคำแนะนำมาจาก ป.ป.ช.มาในเร็ววันนี้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์